Politics

TimeLine 62 ปี ‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ – จาก ‘ส.ส.นกแล’ ก้าวสู่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

เพจเฟซบุ๊ก ชลน่าน ศรีแก้ว โพสต์ข้อความเล่าเรื่องราว TimeLine ชีวิต 62 ปี ชลน่าน ศรีแก้ว ไว้ครบทุกแง่มุม ตั้งแต่ชีวิตวัยเด็ก การศึกษา และ 14 ปีกับชีวิตการเป็นแพทย์ในชนบท จนก้าวสู่ถนนการเมือง จนมาเป็น “ชลน่าน ดาวสภา” ก่อนจะก้าวขึ้นสู่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 ตุลาคม 2564

“ผมมาจากดินไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มาได้ไกลถึงตรงนี้ ขอบพระคุณทุกโอกาสที่ทุกท่านเมตตามอบให้ผมเสมอ” จากใจสุภาพบุรุษนักการเมืองที่มีความนอบน้อมให้กับผู้ร่วมงานทุกๆฝ่าย บนถนนสายการเมือง ของ ส.ส.น่าน 6 สมัยคนนี้ ” ชลน่าน ศรีแก้ว “ เค้าไม่เคยตั้งคำถามว่า “เค้าจะต้องอยู่ตำแหน่งอะไร ” แต่คำถามที่มีอยู่ในใจของเค้าเสมอ คือ บ้านเมืองจะไปต่ออย่างไร? เราไม่รู้เลยว่าคำถามนี้จะมีใครได้ยินบ้าง? เรารู้แต่ว่าผู้ชายบ้านนอก ติดดินธรรมดาๆคนนี้ ได้รับโอกาสเสมอให้ทำงานเพื่อบ้านเมือง ด้วยความตั้งใจ ทุ่มเท สุดกำลัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อชดใช้ตอบแทนบุญคุณของทุกๆโอกาสที่พี่น้องประชาชนมอบให้

หมอชลน่าน3 1

*จาก #เด็กเลี้ยงควาย กลายเป็นเด็กวัดนักจัดการ
*จาก #เด็กวัดสู้ชีวิตสู่แพทย์ในชนบท
*สู่ ส.ส.น่าน 6 สมัย ขวัญใจมหาชน
*รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข
*#ดาวสภา 2552 #ดาวเด่นแห่งปี2564
*รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
*#หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
*#ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 9 ของไทย
ประวัติสู้ชีวิต ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กว่าจะมาเป็น “หมอชลน่าน” ส.ส.ติดดินกินข้าวแกง #ประชาชนของประชาชน ในวันนี้ มีหลายสิ่งที่หล่อหลอมผู้ชายคนนี้ ให้จิตใจดี มีเมตตา ซื่อสัตย์ รักและเห็นใจพี่น้องประชาชน #เพราะเค้าคือรากหญ้ามาจากผืนดิน…
#TimeLineชีวิต 62ปี ชลน่าน ศรีแก้ว ️ #จากเด็กวัดบ้านๆกว่าจะเป็นชลน่านดาวสภา
#เด็กวัดสู้ชีวิต ขยัน มานะ อดทน สุภาพ ถ่อมตน เพียรพยายาม เก่งสมองดี มีความสามารถ ไม่เคยให้ร้ายใคร เสียสละมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ เห็นประโยชน์ส่วนรวมและคนอื่นเป็นที่ตั้ง เรื่องของตัวเองมาทีหลัง

#อะไรที่หล่อหลอมผู้ชายคนนี้

ย้อนอดีตไป 62 ปี ที่ “นันทบุรีศรีนครน่าน” เมื่อ พ.ศ.2504 จังหวัดน่าน เมืองชนบทในหุบเขา ณ ท้องทุ่งบ้านนาสาตอนใกล้รุ่ง หมอตำแยได้ทำคลอดเด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น ชื่อว่า “ไหล่” พ่อแม่เป็นชาวไร่ชาวสวน มีพี่สาว1คน และน้องสาว 1คน ตอนไหล่อายุได้  4 ขวบ น้องสาวเพิ่งเริ่มเดินได้ แม่ก็จากไปด้วยอาการปวดท้องรุนแรงไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลน่าน เนื่องจากการเดินทางสมัยนั้นยังล่าช้ามากต้องใช้เรือหางยาวล่องตามลำน้ำว้ามาขึ้นท่าเวียงสาเพื่อต่อรถโดยสารประจำทางไปยังรพ.น่าน

เมื่อขาดแม่เหมือนแพแตก เด็กๆ เติบโตขึ้น ด.ช ไหล่ หลังจากจบ ป.4 ร.รบ้านนาสา แทบจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น เพราะโรงเรียนอยู่ไกลจากบ้านมาก ถนนลูกรังยาวไกลสุดสายตา ที่ทำได้คือช่วยที่บ้านเลี้ยงควาย แต่ด้วยคุณครูที่เคยสอนเห็นถึงความฉลาดเสียดายโอกาสชีวิต จึงได้หาทางให้เจ้าอาวาสวัดไหล่น่านนำ ดช.ไหล่ไปอุปการะกินอยู่เป็นเด็กวัด และเรียนที่โรงเรียนบ้านบุญเรือง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดนัก เขาจึงได้เข้าไปเรียนต่อชั้นประถมปลายที่นั่น และต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสา ตามลำดับ โดยอยู่ในอุปการะของ พระครูพิริยะสารคุณ (ประเสริฐ) ท่านเจ้าอาวาสวัดไหล่น่าน

ชลน่าน

#เด็กวัดหรือขโยมวัด “ไหล่” ได้เรียนรู้ หล่อหลอม สิ่งต่างๆมากมายจากตุ๊ลุงที่เป็นพระนักพัฒนาและทุกๆคนรอบข้าง
*ทุกๆตี 5 เสียงกวาดลานวัดของตุ๊ลุง แคว๊กๆๆ คือนาฬิกาปลุกแห่งความรับผิดชอบ
* หัวหน้าขโยมวัด เจ้าไหล่ มีหน้าที่ไปตกปิ่นโต วางปิ่นโตตามบ้านศรัทธาที่จะถวายกับข้าว เพื่อให้มีอาหารมื้อเพลหมุนเวียนพอเพียงไม่ขาดไม่เกินในแต่ละวัน ตลอดเดือน นี่คือ การบริหารจัดการ ให้เกิดผลสำเร็จตั้งแต่เยาว์วัย
*ทุกๆเช้าก่อนไปโรงเรียนจะไปรับหนังสือพิมพ์จากร้านในตลาดมาให้ตุ๊ลุงก่อน ไหล่เดินไปอ่านไปก้มหน้าอ่าน นสพ.ไปเรื่อยๆ จนถึงวัด (ถ้าเป็นสมัยนี้คงตกท่อหรือถูกมอเตอร์ไซค์สอยไปแล้ว) นี่คือ ความใฝ่รู้ (อ่าน นสพ.แต่เด็กเป็นแรงบันดาลใจของการก้าวสู่ถนนการเมืองไมนี่)
*บางครั้งก็แอบหนีตุ๊ลุงไปดูหนัง ไปไขว้แขนซ้อมมวย เตะฟุตบอลเป็นการฝึกตนในทุกแง่มุมที่จะเรียนรู้ สร้างความแข็งแกร่ง ชอบเล่นกีฬา และมีน้ำใจนักกีฬา
*ทุกครั้งที่น้ำท่วมน้ำหลากตุ๊ลุงจะให้ทุกคนช่วยกันขัดล้างสิ่งของต่างๆตอนช่วงน้ำลดลงก่อนที่น้ำจะแห้งแล้วทิ้งคราบแห้งกรังไว้ เป็นการใช้ประโยชน์จากน้ำนิ่ง นี่คือ วิธีคิด วิถีธรรมชาติ ที่มีต้นแบบอย่างดี

*ทุกช่วงชีวิต ได้เรียนรู้ปรับตัวอย่างถ่อมตน จนเข้าเรียนระดับมัธยม ที่รร.สา ด้วยผลการเรียนระดับต้นๆ จากเด็กวัดยากจนคนหนึ่งโดดเด่นขึ้นมาเป็นคนเรียนเก่งเป็น”ประธานนักเรียน”และเป็นที่รักเมตตาของครูอาจารย์

#หล่อเก่งแต่จน เพื่อนบางคนดูแคลนห่อข้าวกลางวันมากับปลาร้าถูกเพื่อนกลั่นแกล้งเอาไปซ่อนเอาไม่ให้กิน สิ่งที่เค้าทำคือ กินน้ำลูบท้องและเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด จนแม่ครูมาพบเข้าจึงถามว่าลูกไม่กินข้าวหรือ?เมื่อได้ทราบความจริง หลังจากนั้นแม่ครูจึงเอาข้าวห่อมาให้และให้ไหล่กินข้าวนั้นก่อนจึงเข้าห้องสมุด นี่คือ การปรับตัวอย่างถ่อมตน การใช้วิกฤติสร้างโอกาส สร้างความฉลาดรอบรู้จากการอ่านทุกสิ่งในห้องสมุดนั้น

*ด้วยความเป็นเด็กเรียนดี เมื่อจบ มัธยมศึกษาปีที่ 5 เค้าสอบเข้าเรียน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลได้ ระหว่างเรียน นศพ.(นักศึกษาแพทย์)ไหล่ เด็กวัดน้อยนพคุณ ยังต้องอาศัยแสงสว่างจากไฟข้างๆโบสถ์อ่านตำราเรียน เค้าเป็นคนเรียนดีอีกเช่นเคย เป็น นศพ.บ้านนอกที่เป็นติวเตอร์ วิชากายวิภาคศาสตร์ (Anatomy)ให้กับ เพื่อนๆ นศพ.ได้ เค้าจึงสามารถจบการศึกษา พบ. แพทยศาสตร์บัณฑิต ได้โดยไม่ยากนักในเชิงวิชาการ แต่เชิงการดำรงชีวิตเค้ากลับยากลำบากกว่าคนอื่นๆ แต่เค้าก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี หาเงินส่วนหนึ่งส่งตัวเองเรียนจากการเป็นติวเตอร์สอนพิเศษให้เด็กๆลูกคนมีเงิน ช่วงปิดเทอมเมื่อกลับมาบ้าน จะรับจ้างแกะข้าวโพด รับจ้างวาดรูป เพื่อเก็บเงินใช้เรียนต่อ จากคนรากหญ้าที่รู้คุณค่าของเงิน คือ ชลน่าน คนนี้

หมอชลน่าน1

*เมื่อจบแพทย์แล้ว หมอไหล่มาเป็นแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน แพทย์ผู้มีความสามารถรอบด้าน เป็นนักกิจกรรม นักพัฒนา นำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายด้วยผลงาน ใช้ชีวิตเป็นแพทย์อยู่ในชนบท14ปี

 #TimeLine ชีวิต 62 ปี ชลน่าน ศรีแก้ว #14 ปีกับชีวิตการเป็นแพทย์ในชนบท

ย้อนถอยหลังไป 36 ปี จ.น่าน เมืองในหุบเขา ไม่มีสนามบิน ถนนหนทางเชื่อมอำเภอต่างๆยังเป็นถนนดินแดง จนผู้แทนยาที่จะขับรถเข้าไปเสนอขายยาที่จังหวัดน่านท้อตามๆกัน

พ.ศ.2530 หลังจบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ใช้เวลา 14 ปี กับชีวิตการเป็นแพทย์ในจังหวัดน่าน ย้อนไป 36 ปีนั้น เค้าไปอยู่กับพี่น้องประชาชนในอำเภอห่างไกลชิดขอบ เช่น อ.นาหมื่น อ.นาน้อย และ อ.ปัว ไม่เคยเป็นแพทย์อยู่อำเภอบ้านเกิดที่ อ.เวียงสา ที่อยู่ใกล้ อ.เมือง มากกว่า

พื้นที่ไกลๆ น่ะใช่ ใกล้ๆไม่ต้อง สำหรับนักสู้คนนี้ “หมอไหล่” ของพี่น้องชาวน่าน 14 ปี ในชนบท จากอายุ 26 แพทย์จบใหม่ถึงอายุ 39 ปี ในความเป็นแพทย์ชนบท
*แพทย์ประจำ รพ.นาหมื่น อ.นาหมื่น จ.น่าน พ.ศ.2530 – 2531
*ผู้อำนวยการ รพ.นาหมื่น อ.นาหมื่น จ.น่าน พ.ศ. 2531-2533
*ผู้อำนวยการ รพ.นาน้อย อ.นาน้อย จ.น่าน พ.ศ. 2533-2538
*ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว อ.ปัว จ.น่าน พ.ศ. 2538-2543

รักษาคนไข้ ส่งเสริมป้องกัน ดูแลการสาธารสุขของชุมชน พัฒนาเยาวชนให้เล่นกีฬา ตั้งชมรมฝึกการพูด ตั้งมูลนิธิโรงพยาบาลเพื่อให้ชาวบ้านชุมชนมีส่วนร่วมกับการบริหารโรงพยาบาล ฯ “บวร” บ้าน วัด โรงพยาบาล โรงเรียน คือพลังพัฒนาของชุมชน “หมอไหล่” หมอหนุ่มไฟแรง ในปัจจุบันก็ยังไม่ลดความแรง ไม่เคยหมดไฟในหัวใจที่มีให้พี่น้องประชาชน

#TimeLineชีวิต 62 ปี ชลน่าน ศรีแก้ว #ชีวิตพลิกผันจุดหักเหของชีวิตเข้าสู่สนามการเมือง

เพราะผิดหวังกับเส้นทางชีวิตสายการแพทย์ จากแพทย์ทั่วไปที่มีทักษะด้านการผ่าตัดเป็นพิเศษเพราะเป็นติวเตอร์Anatomyมาก่อน จึงมุ่งเข็มชีวิตว่าจะเป็นศัลยแพทย์ให้ได้ เค้าได้สมัครขอรับทุนไปเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลน่าน แต่ทุนนั้นกลับกลายเป็นของแพทย์ท่านอื่นที่ไม่ได้อยู่จังหวัดน่าน
*โมเม้นท์นั้นทำให้รู้สึกว่าการเป็นหมอตัวเล็กๆอยู่ตรงนี้คงมีแรงกำลังจำกัดที่จะช่วยเหลือใครๆได้เพราะโอกาสที่เค้าควรมีก็มีข้อจำกัดจากปัจจัยอื่น คิดได้เช่นนั้น พ.ศ.2544 เค้าตัดสินใจ “ผมจะลงทำงานทางการเมือง”

พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวน่าน ณ เวลานั้นให้การสนับสนุนและลุ้นกันเต็มที่ ซึ่งก่อนหน้านั้นด้วยความสนใจทางการเมืองเป็นทุนเดิม หมอไหล่กับลุงโชติและ อ.สฤษดิ์ ได้เปิดเวทีปราศรัยจำลองในครั้งแรกคือที่ห้างนาห้วยสิงห์ข้างป่าช้า(จินตนาการเสียงหมอไหล่ด้วยว่า:)..”พ่อแม่พี่น้อง!!ที่มีหัวและไม่มีหัว ที่มีมือและไม่มีมือ ถ้าใครไม่มีมือ กรุณายกแขนขึ้น” ซักซ้อมฝีปากข้างป่าช้า คือที่มาของดาวสภาคนนี้

แล้วฝันก็เป็นจริง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ได้คะแนนเสียงท่วมท้น จากการเลือกตั้ง 6 ม.ค. 2544 พรรคไทยรักไทยทำให้เค้าได้ก้าวเข้าสู่สภาเป็นครั้งแรก เป็น ส.ส.ที่ใครๆ เรียกว่า “ส.ส.นกแล” เข้ามาได้เพราะกระแส ของพรรคการเมือง ไทยรักไทย ที่ผู้คนให้การยอมรับ นโยบายกินได้ ผู้คนหลั่งไหลเทคะแนนให้ เมื่อ 22 ปีก่อน

*หมอชลน่าน ส.ส.น่านไม่ได้ทำให้ชาวน่านผิดหวัง ทุกการอภิปรายในสภา ส.ส จากจังหวัดน่าน ไม่เคยอายใคร ในเรื่องฝีปาก ข้อมูล เหตุผล และความชัดเจน เค้าสุภาพ รักษากฎระเบียบสภาอย่างเคร่งครัดแม่นยำ จนนักข่าวสายรัฐสภาลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้ ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส จากเมืองน่าน เป็น   ดาวสภา ในปี พ.ศ.2552 และตั้งแต่นั้นคนไทยทั่วทั้งประเทศต่างก็ได้รู้จักจังหวัดน่านดีขึ้นในอีกแง่มุมหนึ่งคือ การอภิปรายในสภาที่สะกดคนให้อยู่หน้าจอโทรทัศน์ได้เหมือนมวยคู่เอกที่น่าชม.

w

#TimeLineชีวิต 62 ปี ชลน่าน ศรีแก้ว

จากส.ส.นกแลสู่รัฐมนตรีช่วยสธ. รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯผู้เก๋ากฎเก๋าเกม พลิกประวัติศาสตร์รัฐสภาไทย #เกมพลิกสูตรหาร100

จาก ส.ส.นกแล ปี 2555-2556 ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และใน ปี2564 จากการเป็น ส.ส.สมัยที่ 5 วันที่ 26 ธ.ค. 2564 ในการประชุมร่วมกันของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ได้มีความเห็นร่วมกันในการตั้งฉายาของรัฐสภา เพื่อเป็นการสะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่น่าสนใจ “ดาวเด่นแห่งปี” ผู้สื่อข่าวประจำรัฐบาลยกฉายานี้ให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
เนื่องจากเห็นว่า นพ.ชลน่าน มีบทบาทในวิปฝ่ายค้านมานาน แต่กลับพลาดตำแหน่งสำคัญๆ ทว่า คนเป็นดาวเด่นย่อมมีแสงในตัวเอง เขาโด่ดเด่นในสภาตลอดมา การอภิปรายสภาแต่ละครั้งมีหลักการและเหตุผล สามารถแนวโน้มใจให้ส.ส.เห็นด้วยกับสิ่งที่อภิปราย โดยไม่มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย สุดท้ายผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย จนได้รับการผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรค และขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คนที่9ของประเทศไทย

we

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ขึ้นเป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 ตุลาคม 2564 และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2564

ความเก๋าเกมของหมอชลน่าน ทำให้ได้มาซึ่งบัตร 2 ใบ หาร 100 กลับมาใช้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ , ทำให้ พรบ. ประมงไทยของพรรคเพื่อไทยผ่านวาระแรก, ทำให้ประยุทธ์ต้องขึ้นศาลรัฐธรรมนูญกรณี 8ปีนายกฯและหยุดพักงาน,ผลที่ตามมาคือ รองนายกได้ลองเป็นนายก จนแตกเป็นพรรค2พรรคในเวลาถัดมาเกิดการแตกเสียงเลือกตั้ง, เป็นคนแรกที่มองเห็นปัญหาการฟอร์มรัฐบาลหากไม่แลนด์สไลด์, เป็นคนแรกที่ชี้ให้เห็นว่าจะเกิด deadlock เมื่อโหวตนายกไม่ผ่าน ประยุทธ์จะรักษาการยาวไป และ อาจนำไปสู่การมีนายกคนนอก(นอกบัญชี) อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับบ้านเมืองนี้ แต่สุภาพบุรุษประชาธิปไตยคนนี้ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะให้การจัดตั้ง #รัฐบาลของประชาชน ประสบความสำเร็จนำพาบ้านเมืองต่อไปข้างหน้าเพื่อพี่น้องประชาชน

4 มิ.ย.2564
#62 ปี ชลน่าน ศรีแก้ว
#22 ปี มนุษย์สภา
ส.ส.น่าน 6 สมัย #ดาวสภา2552 #ดาวเด่นแห่งปี 2564 #หัวหน้าพรรคเพื่อไทย #ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
#ประชาชนของประชาชน ตลอดไป
ผู้ชายติดดินธรรมดาๆ จากติดดินรากหญ้าสู่รัฐสภาไทย
“หมอไหล่”..ไหล่ที่ต้องแบกภารกิจที่อุทิศแล้วด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง HBD
รวบรวมเรียบเรียงนำสู่เรื่องเล่าโดย “หมอก้อย” พ.ญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ แอดมิน หมอชลน่าน Fc ไม่มีดราม่า ไป๊น่าน ชลน่าน fc ช่วยงานสามีแพร้บ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight