ตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการ Shut down STINGRAY ทลายแก๊งสวมรอยเป็นธนาคาร การไฟฟ้า และ สรรพากรส่ง SMS หลอกดูดเงินเหยื่อ ได้ผู้ต้องหา 6 ราย
วันที่ 25 พ.ค. 2566 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิต พรมอุทัย ผบก.สอท.3 นายไตยรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ศาตราจารย์พิเศษวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ตัวแทนจากผู้ให้บริการข่ายโทรศัพท์มือถือ AIS รวมทั้งเครือข่ายต่างๆ และสถาบันธนาคาร
ร่วมกันแถลงผลการปิดยุทธการ Shut down STINGRAY ทลายรังโจร สวมรอยแบงก์ส่ง SMS หลอกดูดเงินเหยื่อ โดยจับกุมผู้ต้องหา 6 คน อุปกรณ์เครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station)จำนวน 5 เครื่องและรถยนต์ 4 คัน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขบวนการส่งข้อความสั้น (SMS) ในลักษณะลิงก์ปลอมแอบอ้างว่าติดต่อมาจากธนาคารต่างๆ หรือหน่วยงานรัฐ หลอกดูดเงินผู้เสียหาย ซึ่งขบวนการดังกล่าวกำลังแพร่ระบาด มีพี่น้องประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมากขึ้นโดยเฉพาะหลัง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ มีผลบังคับใช้เมื่อ 17 มี.ค. 2566
จึงได้ประสานความร่วมมือกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.), สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), ผู้ให้บริการเครือข่าย AIS TRUE และ DTAC, ธนาคารกสิกรไทย และ ศูนย์ประสานงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคธนาคาร (TB-CERT) ในการติดตามกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังสร้างความเดือดร้อนในการหลอกลวงเหยื่อโอนเงินตั้งแต่รายละหลักหมื่นจนไปถึงหลักล้านบาท กระทั่งทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้ยกแก๊งพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ส่งสัญญาณ
ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. ร่วมสืบสวนและวิเคราะห์ข้อมูลกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อหาตัวกลุ่มขบวนการที่กระทำความผิด โดยพบว่าคนร้ายจะกระทำโดยนำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station ใส่ไว้ในรถยนต์ลักษณะรถโมบายเคลื่อนที่ ขับออกไปยังสถานที่ต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยหากรถแล่นผ่านไปทางใดก็จะส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วส่งข้อความสั้น (SMS) ในลักษณะลิงก์ปลอม อ้างชื่อเป็นสถาบันการเงิน กรมสรรพากร การไฟฟ้า เป็นต้น
โดยหากประชาชนหลงเชื่อและกดลิงก์ดังกล่าว ก็จะถูกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องระยะไกลโดยสามารถโอนเงินจากบัญชีธนาคารที่เครื่องโทรศัพท์นั้นติดตั้งแอปพลิเคชันประเภท Mobile Banking พบข้อมูลระบบการรับแจ้งความออนไลน์ห้วงเดือน มี.ค.-พ.ค. 2566 มีการแจ้งความออนไลน์รวมค่าความเสียหาย 175,159,482 บาท
ต่อมาทีมชุดปฏิบัติการสืบสวนจนพบการเคลื่อนไหวการก่อเหตุของคนร้ายหลายจุด ได้แก่ บริเวณลานจอดรถหน้าร้านสะดวกซื้อในซอยบางแวก 33 บนถนนราชพฤกษ์ในขณะที่รถกำลังออกตระเวนไปตามถนนเพื่อส่งสัญญาณข้อความ SMS จึงกระจายกำลังแกะรอยและเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา 6 คน ประกอบด้วย นายสุขสันต์ ประดับเสริฐ อายุ 40 ปี นายกัปตัน ทรารมย์ อายุ 33 ปี นายพรเทพ ปริศนา อายุ 34 ปี นายเฉลิมพงษ์ ดำรงค์ศิลป์ อายุ 35 ปี นายศราวุธ ศรีราช อายุ 38 ปีและนายไพฑูรย์ ชืนนะ อายุ 38 ปี ตรวจยึดรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) จำนวน 4 คันพร้อมอุปกรณ์ 4 ชุด
จากนั้นได้ควบตัวนายสุขสันต์เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 306 ชั้น 3 F&A HOUSE ในซอยบางแวก 33 ถนนบางแวก แขวางบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม. ทำหน้าที่เป็นคนจ่ายงาน เพื่อตรวจค้นหาหลักฐาน พบเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) สภาพใหม่ที่ยังไม่ได้แกะออกมาใช้อีก 1 ชุด ทางเจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นของกลาง
นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มคนร้ายมีแผนประทุษร้ายที่เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้คนร้ายจะใช้ซิมผี บัญชีม้า ในการใช้กระทำผิดใช้หลอกเหยื่อเป็นหลัก แต่เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่กวาดล้างจับกุม จึงทำให้ซิมผีลดน้อยลงอีกทั้งมีราคาที่สูงขึ้น กลุ่มคนร้ายจึงเปลี่ยนวิธีพัฒนาหารูปแบบใหม่ๆ มาใช้ก่อเหตุ
ด้าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าว่าสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุมีอยู่ 4 ส่วนที่นำมาประกอบเป็น 1 ชุด 1.แบตเตอรี่ 2.แล็ปท็อปที่มีการลงโปรแกรมอยู่ 3.เสาสัญญาณ และ 4.Stingray หรือปลากระเบน ซึ่งถูกใช้ในงานสืบราชการลับในอเมริกา เมื่อนำทั้ง 4 ส่วนมาประกอบกันก็จะเป็นตัวเสาสัญญาณขนาดเล็กเสมือนเสาสัญญาณมือถือ ซึ่ง โทรศัพท์ที่อยู่บริเวณ เสาสัญญาณนี้จะถูกดักสัญญาณผ่านตัวเครื่องเพื่อดักส่งข้อมูล SMS ในการจับกุมครั้งนี้ เราพบว่ามีเฉพาะในเรื่องการส่งสัญญาณหมายเลขประจำซิมแต่ไม่มีเรื่องการจับสัญญาณเสียง เมื่อเครื่องนี้ทำงานโอเปอเรเตอร์ค่ายมือถือต่างๆ จะไม่ทราบว่ามีการส่ง SMS ไปยังลูกค้า เนื่องจาก SMS ถูกส่งจากเสาปลอมของคนร้ายโดยตรง ซึ่งคนร้ายจะนำอุปกรณ์ปล่อยสัญญาณไปยังแหล่งชุมชนเพื่อทำการส่ง SMS โดยการปลอมชื่อผู้ส่งเป็นหน่วยงานต่างๆ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อคนร้ายก็จะหลอกติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนมาโดยตลอด และได้รับความร่วมมือจาก กสทช. ค่ายมือถือต่างๆ จนสามารถจับตัวคนร้ายกลุ่มนี้ได้
เบื้องต้นในชั้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การยอมรับว่าได้รับการติดต่อว่าจ้างจากคนรู้จักที่ทำงานอยู่ประเทศเพื่อนบ้านพร้อมให้อุปกรณ์ที่ใช้ส่งข้อความ ให้ค่าจ้างสำหรับการวิ่งส่งสัญญาณหรือข้อความเดือนละ 80,000 บาท ล่าสุดได้ส่งข้อความปลอมของธนาคารกสิกรไทย ใช้ในการหลอกเหยื่อ โดยจะเลือกก่อเหตุในพื้นที่ที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเครื่องดังกล่าวนั้นสามารถส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้วันละ 20,000 หมายเลขต่อ 1 เครื่อง
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้านำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498, ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม, เป็นอั้งยี่หรือช่องโจรตามประมวลกฎหมายอาญา“
ผบ.ตร. กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งนี้จะฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต่างทั่วประเทศ หากพบรถที่มีอุปกรณ์ในลักษณะดังกล่าว ให้ทำการตรวจค้นจับกุมทันที ทั้งนี้ให้ บช.สอท.เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยต่างๆ ตลอดจนฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน หากพบรถที่มีการติดตั้งเครื่องหรืออุปกรณ์ในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบ เพื่อตัดวงจรของคนร้ายที่จะลงมือก่อเหตุกับพี่น้องประชาชนทั่วไปอีก
ขอบคุณข้อมูล ผู้พิทักษ์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ตร.ไซเบอร์ จับแก๊งหลอกติดตั้งแอพสรรพากรดูดเงิน เสียหาย 5 แสน
- เตือนภัย! มิจฉาชีพปลอมเป็นธุรกิจให้สินเชื่อ หลอกโอนเงิน ดูดเงิน เอาข้อมูลไปกู้นอกระบบ
- ‘กกพ.’ เตือนภัย! โดน ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ อ้างชื่อ หลอกแอดไลน์ดูดเงินในบัญชี
