ตำรวจเผยกลโกง P Miner หลอกลงทุนคริปโต ไล่ทลายเครือข่าย ยึดทรัพย์-อายัดเงินในบัญชี รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) แถลงข่าวการทลายเครือข่ายหลอกลงทุน P Miner ตรวจยึดของกลาง อายัดบัญชีเงิน รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่า การทลายการเครือข่ายหลอกลงทุน P Miner เบื้องต้นตรวจยึดของกลางที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดหลายรายการ อาทิ รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ เบนเทย์ก้า, ยี่ห้อลัมโบร์กินี ฮูราคาน, ยี่ห้อเฟอร์รารี สไปเดอร์, ยี่ห้อปอร์เช่ 718 บ็อกซ์เตอร์, ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์โฟร์, รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน, เครื่องขุดเหรียญดิจิทัล 50 เครื่อง
นอกจากนี้ ยังสามารถอายัดเงินในบัญชีของขบวนการผู้ต้องหาได้ 117 บัญชี อายัดเงินในบัญชีได้กว่า 112 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 200 กว่าล้านบาท
อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ thaipoliceonline.com แล้วกว่า 341 ราย ความเสียหายรวมกว่า 439 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมีผู้เสียหายบางส่วนเข้าแจ้งความกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) อีก 500 ราย
สำหรับการหลอกลงทุนดังกล่าว เริ่มจากเดือน มกราคมที่ผ่านมา ผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันโฆษณาชักชวนหลอกลวงประชาชนทั่วไปผ่านเฟซบุ๊ก และกลุ่มไลน์ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี มายเนอร์ คริปโตเคอร์เรนซี่ กรุ๊ป ให้สมัครเป็นสมาชิกและร่วมลงทุนขุดเหรียญ
นอกจากนี้ ยังชักชวนเทรดเหรียญคริปโตฯ มากกว่า 30 โครงการ เช่น ลงทุนทำระบบ ETH, ลงทุนทำระบบ 3m, โปรเจกต์ยินดีต้อนรับ, Go to laos เป็นต้น โดยแต่ละโครงการจะมีจำนวนเงินการลงทุน และได้รับผลกำไรที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น หากลงทุน 50,000 บาท จะได้รับการคืนทุน 5 ครั้ง ทุกวันที่ 6 ของเดือน โดยแบ่งเป็นงวด งวดละ 8,000 บาท 13,000 บาท 16,000 บาท 20,000 บาท และ 24,000 บาท ตามลำดับ รวมเป็นเงิน 80,000 บาท
บางโครงการอ้างว่าได้กำไรมากถึงร้อยละ 82 ต่อเดือน หรือได้กำไรร้อยละ 1,000 ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายจะพึงจ่ายได้
จากนั้นเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว ก็จะได้รับหนังสือสัญญาการลงทุน ซึ่งในสัญญาจะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น ชื่อโครงการที่ลงทุน จำนวนเงินที่ลงทุน ระยะเวลาที่ลงทุน จำนวนครั้ง และจำนวนผลตอบแทนที่จะได้รับเงินกลับมา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือว่ามีการลงทุนจริง
ในช่วงแรก ๆ ของการเริ่มลงทุน ผู้เสียหายจะได้รับผลตอบแทนกลับมาบางส่วนจริง กระทั่งเดือน สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินปันผลจากการลงทุน โดยผู้ต้องหาอ้างเหตุขัดข้องต่าง ๆ และไม่สามารถติดต่อได้ในเวลาต่อมา
ดังนั้น ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมายนำมาสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาสองราย คือ นายกิติกร อินต๊ะ อายุ 32 ปี ซีอีโอบริษัท พี มายเนอร์ คริปโตเคอเรนซี่ กรุ๊ป ในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และ น.ส.ณัฐวดี พรหมปัญญา อายุ 36 ปี แฟนสาว
การจับกุมดังกล่าว ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโฆษณา หรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชน หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ในการกู้ยืมเงิน ตนหรือบุคคลใดจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงินในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุด ที่สถาบันการเงินกำหนดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
ขณะเดียวกัน ยังแจ้งข้อหาร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โผล่อีก!! แชร์ลูกโซ่ ‘เป้ P miner’ หลอกลงทุน 1,700 ล้าน เชิดเงินล่องหน ตำรวจไล่ยึดทรัพย์
- โซเชียลขุด! พิ้งกี้ สาวิกา เจอโยงต้องหาเงินจาก FOREX-3D เพราะแม่ติดการพนัน?
- อุ๊บส์! เต๋า ทีวีพูล หลุดอักษรย่อ คนดังระดับตำนาน เซ่นพิษ Forex-3D จนนอนก่ายหน้าผาก