General

‘บิ๊กป้อม’ จับ 22 หน่วยงาน ทำเอ็มโอยู ลุยแก้ปัญหาเร่งด่วน ‘จัดการที่ทำกิน-รับมือภัยพิบัติ’

“พล.อ.ประวิตร” ลุยภารกิจเร่งด่วน แก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน บูรณาการแก้ปัญหาที่ทำกิน ดึงหน่วยงานความมั่นคงรับมือภัยพิบัติ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนในขณะนี้ สิ่งที่ต้องเร่งทำคือ การบริหารจัดการที่ดินทั่วประเทศ ที่ต้องบูรณาการหน่วยงาน เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

ซึ่งจะให้ 22 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในโครงการบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ที่มีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)กำกับดูแลในแผนการดำเนินงาน ระยะ 5 ปี

16cc5e35 94dd 4671 831a 1e2e7a606410

22 หน่วยงานที่จะร่วมลงนาม ประกอบด้วย 3 กลุ่ม

1. กลุ่มหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมอุทธยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช

2. กลุ่มหน่วยงานงานพัฒนา ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมทางหลวงชนบท กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมโยธาธิการและผังเมือง

3. กลุ่มหน่วยงานสนับสนุนส่งเสริม ได้แก่ กรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชน

ภารกิจที่ทำร่วมกันได้ คือ การกำหนดเป้าหมาย ที่ให้ความสำคัญในด้านการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภค รวมถึงส่งเสริมพัฒนาอาชีพ และคุณภาพชีวิต ให้ราษฎรมีรายได้ที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ตามพ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้มี คทช. เพื่อทำให้การบริหารจัดการที่ดิน และทรัพยากรดินเป็นเอกภาพ แก้ปัญหาแนวเขตที่ดินทับซ้อนระหว่างหน่วยงาน และระหว่างหน่วยงานกับประชาชน ให้แก้ปัญหาประชาชนที่บุกรุกอยู่ในที่ดินรัฐ โดยการพัฒนาอาชีพเกษตร และนอกภาคเกษตร เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ที่มั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นการแก้ไขเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง

S 57778264

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสถานการณ์ภัยพิบัติที่มีความรุนแรงมากขึ้นขณะนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ และมรสุมที่พาดผ่าน ส่งผลให้มีปริมาณฝนตกชุก และต่อเนื่องในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทำให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่

โดยได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม จัดกำลังพล เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เนื่องจากมีความพร้อม ทั้งกำลังคน และเครื่องมือ ที่จะเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที ทั้งด้านการอพยพประชาชน การซ่อมบำรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และการวางแผนเร่งระบายน้ำ โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานในท้องถิ่น

“จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้กำชับกระทรวงกลาโหม ระดมกำลังพล และยุทโธปกรณ์ร่วมกับส่วนราชการ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานสนับสนุนประชาชน วางแผนการใช้น้ำระยะยาว เก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง สำหรับพืชไร่ และการทำเกษตรด้วย”

สำหรับ พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง จากการรายงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่า แบ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากปัญหาของปริมาณน้ำใน 3 รูปแบบ

1. พื้นที่ที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง

  • ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดตาก (อ.แม่ระมาด ท่าสองยาง) พิษณุโลก (อ.นครไทย เนินมะปรางชาติตระการ วังทอง) และเพชรบูรณ์ (อ.หล่มเก่า หล่มสัก เขาค้อ)
  • ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดนครนายก (อ.เมืองฯ) ปราจีนบุรี (อ.ประจันตคาม นาดี) และกรุงเทพมหานคร

0a6f283f 6d2a 4a45 8aa7 115c96d40d94

2. พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด (อ.เสลภูมิ จังหาร โพนทอง) มหาสารคาม (อ.เมืองฯ กันทรวิชัย) และอุบลราชธานี (อ.เมืองฯ)
  • ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดอ่างทอง (อ.ป่าโมก วิเศษชัยชาญ) และพระนครศรีอยุธยา (อ.เสนา ผักไห่บางบาล บางไทร บางปะหัน พระนครศรีอยุธยา)

3. พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงบริเวณปากแม่น้ำ และพื้นที่ราบลุ่มชายฝั่ง ได้แก่จังหวัด ต่างๆ ดังนี้ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ นนทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และกรุงเทพมหานคร

ภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ระนอง พังงาภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo