General

กรมสุขภาพจิต พูดชัด ทำร้ายทหารหญิงรับใช้ อ้างป่วยจิตเวชหนีความผิดไม่ได้

ชัดเจน!! กรณีทำร้ายทหารหญิงรับใช้ กรมสุขภาพจิต ชี้ไม่สามารถอ้างความเป็นผู้ป่วยจิตเวชเพื่อละเว้นจากการรับผิดเมื่อก่อคดี

จากกรณีผู้กระทำความผิดที่อ้างความเป็นผู้ป่วยจิตเวชขอละเว้นการรับโทษตามกฎหมาย จากกรณีทำร้ายทหารหญิงรับใช้ ได้สร้างความวิตกในสังคม ถึงการระบุความรับผิดชอบที่ผู้ก่อเหตุควรจะได้รับนั้น

ทหารหญิงรับใช้

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ส่วนใหญ่ผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิตทั่วไประดับที่ไม่รุนแรง แม้มีความเสี่ยงในการทำร้ายตัวเองที่สูงกว่าคนทั่วไปก็ตาม แต่ความเสี่ยงในการทำร้ายผู้อื่นมักไม่ต่างจากสถิติในประชากรโดยรวม

ดังนั้น การด่วนสรุปว่าคดีสะเทือนขวัญต่าง ๆ เกิดจากปัญหาสุขภาพจิตทั่ว ๆ ไปเพียงอย่างเดียวนั้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ความตื่นตระหนก และอาจสร้างตราบาปต่อผู้ที่กำลังบำบัดรักษาด้านสุขภาพจิตอยู่ในสังคม

ทั้งนี้เพราะในทางปฏิบัติแล้ว ความเจ็บป่วยทางจิตที่จะมีผลต่อการรับโทษ เขียนไว้ชัดเจนในประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 65 ซึ่งผู้ใดกระทำความผิด ในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น

แต่ถ้าผู้กระทำความผิดยังสามารถรู้ผิดชอบ อยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น เพียงแต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

ทหารหญิง

นั่นหมายถึง ต่อให้มีใบรับรองว่าป่วยทางจิต หรืออยู่ในกระบวนการรักษา ก็ต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าความเจ็บป่วยนั้นว่า ส่งผลต่อความสามารถในการรู้ผิดชอบ หรือการควบคุมตนเองมากน้อยแค่ไหน

ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคจิตเภทที่รักษาจนบรรเทาแล้วไปก่อคดีฆาตกรรม ก็ไม่สามารถนำมาใช้เป็นเหตุยกเว้นการรับโทษหรือรับโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดได้ ซึ่งการตรวจประเมินทางนิติจิตเวชทางการแพทย์เป็นกระบวนการหนึ่ง ศาลจะนำข้อมูลไปประกอบการพิจารณา

ด้าน นายแพทย์ณัฐกร จำปาทอง ผู้อำนวยการ สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ได้มีการกำหนดกฎหมายเพื่อคุ้มครองประชาชนโดยทั่วไป โดยระบุว่า

หากพบผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ป่วยจิตเวช หรือมีความผิดปกติทางจิต มีภาวะอันตรายหรือจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา สามารถดำเนินการตามมาตรา 26 ที่ได้กำหนดไว้ว่า ในกรณีฉุกเฉินหากได้รับแจ้งว่ามีบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต หรือพบบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตซึ่งมีภาวะอันตรายและเป็นอันตรายใกล้จะถึง ให้นำผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางจิตส่งสถานพยาบาลเพื่อให้ แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยอาการ

ณัฐกร จำปาทอง

สำหรับบุคคลที่สามารถนำ ตัวผู้ป่วยส่งสถานพยาบาลได้ ได้แก่

  • พนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น แพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักสาธารณสุข
  • พนักงานฝ่ายปกครอง เช่นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ปลัดอำเภอ
  • เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ส่วนกรณีที่พบบุคคลที่มีอาการทางจิต แต่ยังไม่ได้กระทำความผิด เช่น เดินพูดคนเดียว บุคคลทั่วไปสามารถแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้นำตัวส่งสถานพยาบาลตามมาตรา 24
อีกด้วย

กรมสุขภาพจิต ขอสังคมให้ความสนใจต่อเรื่องปัญหาด้านสุขภาพจิต อย่างตระหนักแต่ไม่ตระหนกหรือวิตกกังวลมากจนเกินไป เนื่องจากเหตุโศกนาฏกรรมที่เชื่อมโยงกับผู้ป่วยจิตเวชเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ขอให้เชื่อมั่นในการตรวจประเมินทางนิติจิตเวชที่จะสร้างความยุติธรรมให้กับทุกฝ่ายในสังคม

กรณีประชาชนพบบุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลทั่วไปที่แสดงอาการผิดปกติหรือมีอาการกำเริบ ให้รีบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่หรือโทรขอคำปรึกษาที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หากมีแนวโน้มความรุนแรงมากและเป็นอันตราย สามารถโทรแจ้งเหตุสายด่วนตำรวจ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo