General

‘เทพไท’ ขอสังคมแยกแยะ พฤติกรรมส่วนตัว ‘ปริญญ์’ กับ พรรคประชาธิปัตย์

“เทพไท” ขอสังคมแยกแยะ พฤติกรรมส่วนตัว ‘ปริญญ์’ กับ พรรคประชาธิปัตย์ ด้านโฆษก ปชป. เผย หากทำผิดจริง ไม่มีข้อยกเว้น

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว เทพไท เสนพงศ์ ข้อความว่า จากกรณีที่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ถูกข้อกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ จนเป็นคดีความ และอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมแล้วนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา จะต้องนำพยานหลักฐานมาต่อสู้คดี

ปริญญ์
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์

และในขณะเดียวกันผู้กล่าวหา ก็จะต้องนำพยานหลักฐานมายืนยัน การกระทำผิดของผู้ถูกกล่าวหาด้วย ซึ่งตามหลักการในทางคดีอาญา ทั้ง2ฝ่าย จะต้องนำพยานหลักฐานมาต่อสู้กันในศาล ซึ่งเรื่องนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่มากก็น้อย เพราะมีขบวนการฉวยโอกาส จ้องทำลายพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก โดยไม่แยกแยะว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นพฤฒิกรรมส่วนตัว แต่ก็ยังมีความพยายามเชื่อมโยงมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้

พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ เพราะนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค ก็ได้แสดงจุดยืนต่อเรื่องนี้ชัดเจนแล้วว่า “เราจะไม่เข้าไปปกป้องใคร และจะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ ในเรื่องของการดำเนินคดี ขอให้ทุกฝ่ายได้รับความมั่นใจได้”

โฆษก ปชป. เผยหากทำผิด ไม่มีข้อยกเว้น พร้อมสนับสนุนการทำงานของ ตร. 

ด้าน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึง กรณีที่กลุ่มการเมือง มีความพยายามเชื่อมโยงโจมตีพรรค จากกรณีของนายปsิญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับคดีล่วงละเมิดทางเพศ นั้น ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งจะผิดหรือไม่ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

ปริญญ์
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์

สนับสนุนการทำงานของตำรวจ ปชป. ไม่ส่งเสริมคนผิด ติดตามเก็บข้อมูล ถ้าผิดจริง ไม่มีข้อยกเว้น

นายราเมศ  กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เข้าไปก้าวล่วง พร้อมสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นไปตามกระบวนการทางกฏหมาย พรรคประชาธิปัตย์มีหลักการที่ชัดเจน คือ เมื่อมีเรื่องที่มีการกล่าวหาสมาชิกพรรค ว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดหลักคุณธรรมจริยธรรม พรรคก็จะมีกระบวนการรองรับอยู่อย่างชัดเจน

โดยขณะนี้มีการติดตามรวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ยืนยันพรรคไม่ส่งเสริมให้ใครไปกระทำความผิด ซึ่งหากมีการกระทำความผิด ก็ไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ในทางการเมือง หลักสำคัญตนระลึกอยู่เสมอคือ เวลาที่มีคนของพรรคการเมืองใดไปกระทำความผิด ไปทุจริต ตนไม่เคยไปให้ร้ายพรรค ก็ตรวจสอบตัวบุคคลที่กระทำความผิดไปตามกระบวนการ ตัวพรรคไม่สามารถไปกระทำการทุจริตได้ คนคือตัวปัญหาเป็นผู้ก่อการ หากไปกล่าวหาพรรคก็ไม่เป็นธรรมต่อพรรคการเมืองนั้นๆ และจะไม่เป็นธรรมต่อคนดีคนที่ตั้งใจทำงานที่อยู่ในพรรคด้วย

ทุกองค์กรเราปฏิเสธไม่ได้ว่าย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี กระบวนการตรวจสอบบุคคลต่างๆในพรรค หากมีการกระทำผิด เป็นคนไม่ดี ก็จำเป็นต้องใช้กระบวนการคัดกรองคนเหล่านั้นออกไป ทุกองค์กรก็เป็นเช่นนี้ พรรคการเมืองก็เช่นกัน แต่จะเหมารวมทั้งพรรค ทั้งบุคคลอื่นที่อยู่ในพรรคก็ไม่เป็นธรรมต่อพรรคและบุคคลอื่น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo