General

ปลดล็อก ‘ชุดตรวจเอชไอวี’ ซื้อตรวจเองได้ พร้อมวางจำหน่ายร้านขายยาแล้ววันนี้

กรมควบคุมโรค ปลดล็อก “ชุดตรวจเอชไอวี” ให้ซื้อตรวจเองได้ พร้อมวางจำหน่ายร้านขายยาทั่วประเทศ ตั้งแต่สิ้นเดือนสิงหาคมนี้ กรุยทางยุติปัญหาเอดส์ไทยในอีก 9 ปี

นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า มาตรการที่ไทยจะนำมาใช้แก้ไขปัญหาการติดเชื้อเอชไอวี (เอดส์) ในปี 2564 นี้ คือ การสนับสนุนให้ประชาชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง สามารถใช้ชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเบื้องต้นด้วยตนเอง หรือชุดตรวจเอดส์ด้วยตนเอง โดยเตรียมวางจำหน่าย ในร้านขายยาแผนปัจจุบันทั่วประเทศตั้งแต่สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 นี้เป็นต้นไป

ชุดตรวจเอชไอวี

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้ขับเคลื่อนร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) หน่วยงานอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ตามมติคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนรู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง โดยในปี 2564 มีชุดทดสอบผ่านการขึ้นทะเบียนรับรองมาตรฐานจาก อย.แล้ว 2 ชนิด คือ ชุดตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีจากการเจาะเลือดปลายนิ้วมือ รู้ผลภายใน 1 นาที และชุดตรวจเอชไอวีโดยการใช้น้ำลายอ่านผลได้ใน 20 นาที

สำหรับชุดทดสอบนี้จะทำให้ประชาชนนำไปใช้ตรวจคัดกรองการติดเชื้อเบื้องต้น เพื่อให้รู้สถานะการติดเชื้อของตนเองได้เร็ว และตรวจยืนยันอีกครั้งที่สถานพยาบาล หากพบว่าติดเชื้อจะเข้าสู่ระบบดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีในสถานพยาบาล ทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็วตามสิทธิการรักษา จนสามารถลดเชื้อไวรัสในกระแสเลือดได้ และไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อสู่คนอื่น

ชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตนเอง ถือว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่จะเพิ่มการเข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยง 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์ชาย กลุ่มหญิงข้ามเพศ กลุ่มพนักงานบริการ ผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น และประชาชนทั่วไป

นอกจากนี้ หากพบว่าติดเชื้อ ก็สามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในอนาคตนี้ ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ จะนำไปสู่การปรับสูตรยาให้กินง่ายขึ้น ทั้งขนาดและจำนวนลดลง และลดอาการแทรกซ้อนหรือผลกระทบระยะยาวต่อร่างกาย จะทำให้ผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตดีเหมือนคนปกติ

นพ.ปรีชา
นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี

ขณะนี้ประเทศไทย ได้ดำเนินการตามปฏิญญาทางการเมือง ที่ประกาศมุ่งมั่นยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2573 หรือในอีก 9 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ

1. ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ไม่เกิน 1,000 ราย/ปี

2. ลดการเสียชีวิตจากเอดส์ ไม่เกิน 4,000 ราย/ปี

3. ลดการรังเกียจตีตราและเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วย ให้ได้ 90%

จากผลการดำเนินงาน พบว่่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเครือข่ายภาค ประชาสังคม เป็นอย่างดี ทำให้สถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวี ในประเทศขณะนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา พบ 4,855 ราย

ด้านแพทย์หญิงชีวนันท์ เลิศพิริยสุวัฒน์ ผู้อำนวยการกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กล่าวเสริมว่า การติดเชื้อเอชไอวี มีการระบาดทั่วโลกตั้งแต่ปี 2524 จนถึงขณะนี้ เกือบ 40 ปีแล้ว มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก จำนวน 37.7 ล้านราย เสียชีวิต 36 ล้านราย สาเหตุการติดเชื้อมาจากเพศสัมพันธ์และทางเลือด

เอชไอวี

ปัจจุบันมียาต้านไวรัสรักษา และได้ผลดีมาก สามารถลดจำนวนเชื้อไวรัสเอชไอวีในกระแสเลือดลดลงได้มาก ส่วนวัคซีนในการป้องกันไวรัสเอชไอวี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยในเฟสที่ 3

ดังนั้น มาตรการการป้องกันหลัก ยังเน้นการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมทั้ง การกินยาต้านไวรัสสำหรับป้องกัน ก่อนการสัมผัสเชื้อหรือเพร็พ (PrEP) โดยสรุปแล้วปัญหาการติดเชื้อเอชไอวีส่งผลกระทบระดับโลกในระดับสูง

สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2527–2563 รวมเกือบ 36 ปี มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมที่ยังมีชีวิตอยู่ 462,376 คน ในปี 2563 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,855 คน เสียชีวิต 11,882 คน ผู้ติดเชื้อที่ยังมีชีวิต รู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง 94.3% อยู่ในระบบการรักษาในสถานพยาบาลทั่วประเทศด้วยยาต้านไวรัส 83.5๔ ในจำนวนนี้สามารถกดไวรัสได้สำเร็จ 97.2%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo