General

เปิดผลสอบ ‘ผอ.หวงเก้าอี้’ แขนขาอ่อนแรง เข้าข่าย ‘ทำร้ายจิตใจ’

เปิดผลสอบผอ.หวงเก้าอี้” แขนขาอ่อนแรง เข้าข่ายทำร้ายจิตใจ” เตรียมลงดาบฟันวินัยไม่ร้ายแรง

ความคืบหน้ากรณีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนินการติดตามและตรวจสืบข้อเท็จจริงเชิงลึก ในกรณีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด ไม่พอใจที่ครูในโรงเรียนนั่งเก้าอี้ของตน และสั่งการให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนจัดซื้อเก้าอี้ใหม่มาทดแทน โดย สพฐ. ได้สั่งการ ผอ.เขตพื้นที่ เร่งสืบสวนข้อเท็จจริงและรายงานผลต่อ สพฐ. ภายใน 7 วันนั้น

จิตใจ

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว หลังจากมีคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียน มารายงานตัวและปฏิบัติราชการที่เขตพื้นที่ฯโดยทันที เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวน รวมทั้งให้ความคุ้มครองครู และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

หวง1

ล่าสุดทาง สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 ได้รายงานผลการสืบสวนข้อเท็จจริง พบว่า พฤติกรรมดังกล่าวของผู้อำนวยการโรงเรียน ถือเป็นกรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง ตามมาตรา 88 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และแก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 เนื่องจากการพูดจาที่ไม่ดี ทำร้ายจิตใจทำให้ทุกคนได้รับความทุกข์ใจไม่สบายใจ

พฤติการณ์ ดังกล่าวเป็นการไม่ประพฤติตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน ชุมชน สังคม ไม่รักษาความสามัคคี หรือให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างข้าราชการด้วยกันหรือผู้ร่วมปฏิบัติราชการ อีกทั้งพฤติกรรมดังกล่าว ยังเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ตามมาตรา 85 วรรคหนึ่ง และมาตรา 95 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และแก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 เนื่องจากผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษาฯ อีกด้วย

ทั้งนี้ สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 โดยกลุ่มกฎหมายและคดี ได้สรุปผลการสืบข้อเท็จจริง พบว่า มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรง และจะดำเนินการทางวินัยกับบุคคลดังกล่าวต่อไป

เรื่องสวัสดิภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงความปลอดภัยในสถานศึกษา เป็นนโยบายที่ พล...เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งเราไม่แบ่งแยกว่าเป็นผู้บริหารหรือระดับปฏิบัติการ เพราะทั้งครูและผู้บริหารต่างก็มีบทบาทและความสำคัญต่อการพัฒนาผู้เรียนและการศึกษาชาติ ต่างเป็นคนของ สพฐ. รวมเป็น OBEC One Team และเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นก็ต้องมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้กระจ่าง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หากพบว่ากระทำการที่ไม่เหมาะสมก็ต้องได้รับการพิจารณาโทษเป็นกรณีไป ทั้งนี้ หากพบเหตุที่ไม่เหมาะสมใดๆ ขอให้ส่งข่าวแจ้งเหตุมายัง สพฐ. เราพร้อมดำเนินทุกมาตรการเพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยของทุกคน และมุ่งสู่การศึกษาเรียนดี มีความสุขด้วยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนจับมือไว้ แล้วไปด้วยกันอย่างแท้จริงเลขาธิการ กพฐ. กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo