“เพิ่มพูน” จับมือตำรวจ ออก 4 มาตรการ สกัดบุหรี่ไฟฟ้าทะลักเข้าโรงเรียน หลังพบเด็กไทยสูบถึง 17.6% โดยซื้อผ่านออนไลน์
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เร่งขับเคลื่อนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้ากับเยาวชน โดยขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอย่างยิ่ง ที่ให้ความสำคัญปราบปรามอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะที่จะส่งผลเสียต่อเยาวชน
4 มาตรการช่วยป้องกันเยาวชน
โดยล่าสุดได้ออก 4 มาตรการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งข้อสำคัญอันดับแรกคือ ต้องทำให้สถานศึกษาเป็นเขตปลอดบุหรี่ไฟฟ้า โดยทางตำรวจจะสืบสวนจับกุมร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่รอบสถานศึกษาทุกแห่งอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมตัดวงจรรายใหญ่ ปราบปรามช่องทางออนไลน์ รวมถึงประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ความรู้แก่ชุมชนสถานศึกษา เกี่ยวกับข้อกฎหมายและอันตรายจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า
ทั้งนี้ บุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินที่เป็นอันตรายมากกว่าบุหรี่มวน เพราะบุหรี่มวนมีการจำกัดปริมาณนิโคตินต่อมวน แต่บุหรี่ไฟฟ้าสามารถเติมนิโคตินได้ตลอดเวลา ซึ่งนิโคตินมีผลกระทบทำลายสมองและพัฒนาการของเด็ก และทำให้เกิดปอดอักเสบเฉียบพลัน
จากการสำรวจของกรมควบคุมโรค พบว่าเด็กไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงถึง 17.6% และเกือบทั้งหมดซื้อผ่านทางออนไลน์ ซึ่งดูเหมือนว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะมุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน โดยผลิตให้มีรูปแบบเป็นตัวการ์ตูน กล่องนม ให้ดูเป็นเรื่องธรรมดา เข้าถึงง่าย จนเด็กซึมซับโดยไม่รู้ตัว นับเป็นภัยคุกคามเยาวชนที่ต้องเร่งจัดการโดยด่วน
ประสานทุกหน่วยกวดขัน ดูแลทุกมิติ
ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำชับสถานศึกษาทุกสังกัดทั่วประเทศ ให้เข้มงวดตรวจตราการนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในโรงเรียนอยู่เสมอ โดยยึดกฎระเบียบเช่นเดียวกับการห้ามสูบบุหรี่ธรรมดา อ้างอิงประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ออกมาตาม พ.ร.บ. คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 กำหนดให้โรงเรียนหรือสถานศึกษา เป็นสถานที่สาธารณะ ต้องเป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด
“ศธ. มีการหารือกับกระทรวงสาธารณสุขว่า จะทำอย่างไรเมื่อพบเห็นว่านักเรียนครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ ศธ. มีมาตรการสื่อสารลงไปในโรงเรียนทุกแห่งว่า หากเจอในเด็กนักเรียน เราไม่ได้มองว่าเขาเป็นคนผิด เราคิดว่าเป็นเหยื่อ โดยจะจัดให้มีตัว Dropbox เพื่อหย่อนบุหรี่ไฟฟ้าลงไป เหมือนเวลาผ่านด่านศุลกากรต่าง ๆ ในการยึดของกลาง ก็จะส่งให้ตำรวจไปทำลาย” นายสิริพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้เรายังพบการโปรโมทบุหรี่ไฟฟ้าว่าสูบแล้วเท่ สูบแล้วดีกว่า 97% มียอดวิวและยอดไลก์ 98% ใน TIKTOK ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้คนใช้งานมากที่สุดและฮิตมากในอาเซียน ทำให้การระบาดในเด็กขยายไปเร็วมาก เพราะเด็กคิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตราย และผู้ปกครองไม่รู้ว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้า
ดังนั้นการร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าไม่ให้เข้าถึงตัวเด็ก จึงต้องอาศัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการกวาดล้างจับกุมผู้ขาย การปิดกั้นช่องทางออนไลน์ การให้ความรู้ถึงพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า หรือหากจำเป็นต้องมีการให้บำบัด ทุกหน่วยงานภาครัฐก็พร้อมจะเข้ามาทำงานร่วมกันเสมอ
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของ ศธ. ก็อยากฝากให้ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทุกท่าน กวดขันเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษาอยู่เสมอ โดยขอให้มองนักเรียนว่าเป็นลูก ๆ ของท่าน เด็กยังอ่อนต่อโลก ขาดประสบการณ์พิจารณาว่าสิ่งใดเหมาะสม และมักจะทำตามเพื่อน
หากเราเริ่มต้นหยุดยั้งบุหรี่ไฟฟ้าไม่ให้ถึงมือเด็กแล้ว ก็น่าจะเป็นหนทางที่เด็ก ๆ จะสร้างค่านิยมในกลุ่มเพื่อนถึงโทษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงสารเสพติด หรือสารมึนเมาอื่น ๆ ทำให้สถานศึกษาเป็นสีขาวและปลอดภัยอย่างแท้จริง ตามนโยบายการศึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ “เรียนดี มีความสุข”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โจ๋งครึ่ม! ตู้ขายบุหรี่ไฟฟ้าอัตโนมัติ ใกล้มหาวิทยาลัยดัง ของกลางเกือบ 400 ชิ้น
- พวงเพ็ชร-ดีอี เตรียมปิด 1,300 ร้านค้าออนไลน์ ‘ขายบุหรี่ไฟฟ้า’ หลังพบเด็กเยาวชน แห่ซื้อเพียบ
- เปิดผลสำรวจ เด็ก 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 5.3 เท่า นักสูบหน้าใหม่อายุน้อยลง
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg