General

กรมอนามัย ห่วงประชาชนได้รับผลกระทบ โรงน้ำแข็ง ปทุมธานี แอมโมเนียรั่วไหล

กรมอนามัย หวั่นประชาชนได้รับผลกระทบจากแอมโมเนียรั่วไหล โรงน้ำแข็ง จังหวัดปทุมธานี สั่งติดตามเฝ้าระวังความเสี่ยงในชุมชน

นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีเกิดภาวะฉุกเฉินก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลจากโรงผลิตน้ำแข็ง บริษัท ชัยฤกษ์น้ำแข็งหลอด จำกัด ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567

แอมโมเนียรั่วไหล

ในเบื้องต้น ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่ก๊าซสามารถฟุ้งกระจายไปยังอาคารบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงได้ เนื่องจากสถานประกอบการดังกล่าวอยู่กลางชุมชนที่มีบ้านเรือนประชาชนโดยรอบ

จากข้อมูลพบว่าก๊าซแอมโมเนีย เป็นก๊าซพิษและมีฤทธิ์กัดกร่อน เมื่อสูดหายใจเอาก๊าซเข้าสู่ร่างกายทำให้เกิดการระคายเคืองคอ จมูก หายใจติดขัด เจ็บหน้าอก หากสัมผัสผิวหนังและดวงตา ทำให้มีอาการแสบผิว เป็นผื่นแดง แสบตา ตาอักเสบ

ทั้งนี้ สอดคล้องกับข้อมูลการประเมินความเสี่ยงของหน่วยงานการสาธารณสุขที่พบประชาชนมีอาการแน่นหน้าอก จากการหายใจรับก๊าซแอมโมเนียเข้าสู่ร่างกายในช่วงเกิดเหตุ

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นไม่พบการปนเปื้อนของน้ำที่ใช้สเปรย์ หรือน้ำที่เจ้าหน้าที่ใช้ดักจับไอหรือก๊าซแอมโมเนีย ปนเปื้อนในแหล่งน้ำเนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำสาธารณะที่ประชาชนใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภค บริโภค ดังนั้น ประชาชนจึงเสี่ยงเกิดอาการแบบฉับพลันในช่วงเกิดเหตุ

กรมอนามัย 1

กรมอนามัย ห่วงใยผลกระทบทางสุขภาพของผู้ที่อาศัยโดยรอบเนื่องจากสถานประกอบกิจการรายนี้ตั้งอยู่กลางแหล่งชุมชน และถึงแม้จะสามารถควบคุมการรั่วไหลได้แล้ว แต่ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพตนเองและครอบครัวโดยสังเกตความผิดปกติของร่างกาย

หากมีอาการตาอักเสบ น้ำตาไหล หายใจหอบถี่ แสบคอ จมูก หรือผิวหนังอักเสบ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและพบแพทย์โดยทันที

นอกจากนี้ หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่วางไว้ในบ้าน และไม่มีการป้องกันช่วงเกิดเหตุ เพราะอาจได้รับก๊าซแอมโมเนียในเข้าสู่ร่างกายได้

ส่วนในระยะต่อไป เพื่อป้องกันความเสี่ยง หมั่นสังเกตความผิดปกติ ถ้าได้กลิ่นก๊าซแอมโมเนียให้รีบอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ไปยังจุดที่ปลอดภัยไม่ได้รับกลิ่นก๊าซดังกล่าว หากไม่สามารถอพยพได้ห้ามออกมานอกบ้านและต้องรีบปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด พร้อมสวมใส่หน้ากากป้องกันสารเคมีตลอดเวลาที่ไม่ให้รับสัมผัส สูดดมก๊าซพิษเข้าสู่ร่างกาย

กรมอนามัย ขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่รับผิดชอบและผู้ประกอบกิจการมีมาตรการในการควบคุม กำกับ การประกอบกิจการให้ถูกสุขลักษณะ ปลอดภัยเป็นไปตามคำแนะนำ แนวปฏิบัติ หรือมาตรฐานที่กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

ขณะที่หน่วยงานส่วนท้องถิ่นควรกำกับให้สถานประกอบการมีระบบป้องกันและแจ้งเตือนภัยการเกิดสารพิษรั่วไหล หรือภัยฉุกเฉินสารเคมีที่เกิดจากสถานประกอบการ เพื่อให้ประชาชนรู้ตัว และเอาตัวรอดจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ทันต่อเหตุการณ์ เป็นสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ชุมชนโดยรอบ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo