รมว.ศธ. ชี้แจงประเด็นภาษาอังกฤษคนไทยรั้งท้ายระดับโลก กลุ่มผู้ทดสอบดังกล่าวกว่า 800 คน ไม่สามารถการันตีได้ถึงการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยทั้งประเทศ พร้อมยกสมรรถนะผู้เรียนและผู้สอนสู่การแข่งขันนานาชาติ
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า จากกรณีที่สถาบันการศึกษาภาษาอังกฤษแห่งหนึ่ง เปิดเผยผลการจัดอันดับความสามารถทางการใช้ภาษาอังกฤษ ประจำปี 2023 ซึ่งเป็นการวัดคะแนนการทดสอบจากการวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษในแต่ละช่วงวัย ได้จัดอันดับทั้งหมด 113 ประเทศทั่วโลก
จากผลการสำรวจทักษะความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้ใหญ่ (อายุเฉลี่ย 26-30 ปี) จำนวนผู้เข้าสอบ 836 คน ปี 2023 ประเทศไทยได้คะแนนเป็นอันดับที่ 101 โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 416 คะแนน ซึ่งค่าเฉลี่ยระดับโลก อยู่ที่ 502 คะแนน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนสื่อสังคมออนไลน์
ทั้งนี้ ศธ. ไม่ได้นิ่งนอนใจในการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาต่างประเทศ เพื่อเป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพ สู่การมีงานทำ จะดำเนินการตั้งคณะทำงานโดยมอบให้ผู้ช่วยรัฐมนตรี ร่วมกับ 4 หน่วยงานหลักของ ศธ. และเชิญผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาช่วยพัฒนาการศึกษาภาษาอังกฤษให้สมบูรณ์ขึ้น
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เป็นหลักในการดำเนินการเรื่องหลักสูตรและผลิตสื่อการสอนให้ตอบรับนโยบาย Anywhere Anytime เพื่อให้ผู้ที่อยู่นอกระบบการศึกษา สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ ซึ่งกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) จะดำเนินการสอนผ่านระบบออนไลน์และการสอนในที่ตั้งของสถานศึกษาด้วย
จากกรณีดังกล่าวพบว่า ผู้ที่เข้าทดสอบมีอายุเกิน 20 ปี เป็นผู้ที่ไม่ได้อยู่ในวัยเรียน ซึ่งเมื่อศึกษาจบแล้วและมีความต้องการหรือมีความจำเป็นที่จะไปศึกษาต่อยังต่างประเทศหรือไปทำงานต่างประเทศ ต้องทดสอบ TOEFL – TOEIC ให้ผ่านมาตรฐาน แต่อาจจะมีบางกลุ่มที่ทดสอบไม่ผ่าน จึงต้องไปศึกษาเพิ่มเติมในสถาบันกวดวิชาหรือศึกษาผ่านระบบออนไลน์ดังกล่าว และมีประมาณ 800 กว่าคน ที่มีผลการประเมินที่ถือว่าต่ำของสถาบันที่ประเมิน
แต่ถ้าดูในหลักการ การทดสอบวัดความสามารถภาษาอังกฤษคนไทยจะใช้มาตรฐาน CEFR ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ประกอบด้วย 6 ระดับ คือ A1 A2 , B1 B2 และ C1 C2
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาภาษาอังกฤษของไทย อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า ศธ.จะพร้อมช่วยยกระดับการศึกษาตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลได้อย่างมีคุณภาพ
สำหรับมาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐาน CEFR ที่ใช้ในการวัดระดับเชิงสมรรถนะของผู้เรียน ทั้ง 4 ทักษะ คือการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เช่นเดียวกับประเทศอื่น ซึ่งทั้งครูและบุคลากรรวมถึงนักเรียนมีผลการพัฒนาในระดับที่สูงขึ้นทุกปี ที่ผ่านมาพบว่าสามารถเพิ่มระดับจาก A2 ไป B1 เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนที่ถูกพัฒนาจนถึงระดับ C2 ซึ่งถือว่า เป็นระดับที่สูงมากเช่นกัน
อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ ศธ. ดำเนินการจะสามารถยกระดับกรอบของ CEFR ที่ดีและเหมาะกับการจัดการเรียนการสอน ผ่านระบบเชื่อมโยงที่มีเป้าหมายชัดเจนตามวิสัยทัศน์ของ รมว.ศธ. อย่างจริงจัง เราพร้อมและสามารถที่จะเดินไปสู่การวัดผลในสถาบันต่าง ๆ และในอนาคตเชื่อมั่นว่าอาจขยับมาอยู่อันดับที่ 1-10 ก็เป็นไปได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘Traffy Fondue Plus’ เวอร์ชันใหม่ เตือนภัยฉุกเฉิน-เสิร์ฟภาษาอังกฤษ
- อิงฟ้า วราหะ ตอบกลับดราม่า ปมไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่ได้รองอันดับ 1
- เริ่มแล้ววันนี้ ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ 5 ช่องทาง เช็กเลย!!