บอร์ด สปสช. เพิ่มรายการ “ยาไรโบไซคลิบ”รักษามะเร็งเต้านมระยะลุกลาม ในแผนจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ปี 2567 เผยตอรองราคา บริษัทผู้ผลิตยอมลดราคาลง 50%
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ได้มีมติชอบเห็นชอบให้เพิ่มเติมรายการ ยาไรโบไซคลิบ (Ribociclib) เข้าไปอยู่ในแผนจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นตามโครงการพิเศษ
ทั้งนี้ เพื่อรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ซึ่งจะเป็นการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามให้เข้าถึงการรักษาเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันในที่ประชุม ยังมอบหมายให้ สปสช. ติดตามการเข้าถึงยาและการใช้ยาไรโบไซคลิบนี้อย่างใกล้ชิด และรายงานสถานการณ์ต่อบอร์ดฯ ผ่านคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข และคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดําเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนทุก 6 เดือน
จากมติที่ประชุมครั้งนี้ จะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามสามารถเข้าถึงยาไรโบไซคลิบได้ จากแต่เดิมที่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองยังเข้าไม่ถึงยารักษานี้ ด้วยเป็นยาใหม่ที่มีราคาแพง
นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่สนับสนุนนโยบายมะเร็งครบวงจร เพื่อยกระดับ 30 บาท Upgrade ภายใต้ Quick win ด้านสาธารณสุขของรัฐบาล ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งให้ได้รับบริการอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน รวมถึงยาที่มีประสิทธิภาพในปีงบประมาณ 2567 นี้
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตามแผนการจัดซื้อยาของ สปสช. ในปีงบประมาณ 2567 ได้มีแผนที่จะจัดซื้อยานิโลตินิบ (nilotinib) ซึ่งเป็นยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว จำนวน 1.45 หมื่นกล่อง รวมงบประมาณราว 301.63 ล้านบาท
ต่อมาบริษัทที่จำหน่ายยามะเร็งดังกล่าวนี้ ได้นำเสนอยาไรโบไซคลิบที่เป็นยาใหม่สำหรับการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม เข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยเสนอปรับลดราคายานิโลตินิบ และยาไรโบไซคลิบ ประมาณ 50%
จากข้อเสนอดังกล่าว ทำให้ สปสช. จัดซื้อยานิโลตินิบได้จำนวนเท่าเดิม ในราคาที่ลดลงประมาณ 50% ขณะเดียวกันได้จัดซื้อยาไรโบไซคลิบสำหรับดูแลผู้ป่วย 876 คน รวมจำนวน 25,404 กล่อง โดยเมื่อรวมมูลค่าการจัดซื้อยา 2 รายการนี้ เป็นงบประมาณ 252.84 ล้านบาท ซึ่งประหยัดงบประมาณได้ 48.78 ล้านบาท
ทั้งนี้ ได้มอบหมายคณะอนุกรรมการจัดทำแผนการจัดซื้อยาฯ ปรับแผนจัดซื้อยานิโลตินิบตามราคาที่บริษัทเสนอ และทยอยจัดซื้อยาไรโบไซคลิบ โดยให้วงเงินรวมของยา 2 รายการนี้ ไม่เกินวงเงินตามแผนจัดซื้อยานิโลตินิบเดิม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ข่าวดี! ผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39 รักษาฟรี ‘โรคมะเร็ง’ 20 ชนิด
- ‘ชูวิทย์’ พร้อมลูกสาว บินอังกฤษ-สกอตแลนด์ รักษามะเร็งระยะสุดท้าย
- กทม. เตรียมพร้อมฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เริ่ม 8 พ.ย.นี้