“หมอนิธิพัฒน์” แนะวิธีเตรียมตัวเผชิญฝุ่น PM2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศ วิธีการเลือกซื้อและการอ่านค่าฝุ่นเพื่อป้องกันอันตราย
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เพจเฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล เตือนเปิดเครื่องฟอกอากาศรับมือฝุ่น PM2.5 อย่าลืมตรวจสอบการทำงาน พร้อมแนะวิธีเลือกซื้อ โดยระบุว่า
เหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจให้คนกรุงเทพ แถวบ้านฝนเทมาห่าใหญ่ตอนเช้ามืด ทำให้ค่าฝุ่นเจือจางลงชั่วคราว หลังเที่ยงนี้เปิดแอปอีกรอบ เขามาอีกแล้ว และคงหวังฝนมาช่วยอีกไม่ได้เพราะน่าจะเป็นฝนปิดฤดู
ใครมีของรีบปัดฝุ่นเครื่องฟอกอากาศให้พร้อมเผชิญฝุ่น อย่าลืมตรวจสอบการทำงานให้แน่ใจ ทำความสะอาดตะแกรงกรองฝุ่นภายนอก และเช็คประสิทธิภาพไส้กรองอากาศภายในตัวเครื่อง ถ้าประสิทธิภาพเหลือน้อยกว่า 50% จะต้องใช้เวลานานกว่าเดิมเกินเท่าตัวเพื่อฟอกอากาศให้มีประสิทธิภาพเท่าเดิม
ส่วนใครที่ยังไม่มีของ รีบปัดฝุ่นกระเป๋าเงินหรือฝุ่นในภาชนะที่ฝังเงินไว้ใต้ดิน แล้วรีบไปหาซื้อ ก่อนราคาจะถีบขึ้นไปมาก หรือมีเงินแต่ไม่มีของให้ซื้อ
การเลือกซื้อเครื่องกรองอากาศ ลองดูในรายงานการทดสอบเครื่องยี่ห้อและรุ่นต่าง ๆ ที่มีการเผยแพร่โดยหน่วยงานที่เป็นกลาง เช่น สถาบันการศึกษาซึ่งเป็นที่ยอมรับ สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเครื่องที่มีค่า Clean Air Delivery Rate (CADR) ที่เหมาะสมกับขนาดห้องที่จะนำไปใช้งาน
คิดง่าย ๆ โดยหาพื้นที่ห้องหน่วยเป็นตารางฟุต ค่า CADR ต้องอย่างน้อยเป็น 2/3 ของพื้นที่ที่ได้ หรือให้ง่ายเอา 1.5 ไปหารพื้นที่ เช่น ห้องนั่งเล่นที่บ้านผมมีขนาด 220 ตารางฟุต ต้องใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีค่า CADR อย่างน้อย 220/1.5 หรือ ประมาณ 146.7 หน่วยเป็นลูกบาศก์ฟุตต่อนาที (cubic feet per min, CFM)
แต่เครื่องส่วนใหญ่แสดงค่า CADR เป็นลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (cubic meter per hour, CMH) แปลงค่าได้โดยการคูณด้วย 1.62 ดังนั้นห้องนั่งเล่นนอนเล่นที่บ้านผมจึงต้องการเครื่องฟอกอากาศที่มีค่า CADR อย่างน้อย 146.7 x 1.62 ซึ่งตกประมาณ 238 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง
เมื่อวานเย็นหลังเลิกงาน ถึงบ้านวัดค่า PM2.5 ได้ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อเข้าไปในห้องนั่งเล่นวัดได้ 30 (ในห้องแอร์จะกันฝุ่นได้ราว 40%) เมื่อเปิดเครื่องกรองอากาศที่มีค่า CADR 400 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ด้วยความแรงสูงสุด ห้านาทีต่อมาค่าฝุ่นลดลงจาก 30 เหลือ 8 ดังรูป หรือลดลง 73.3% และเมื่อรอจนได้สิบนาที ลดลงเหลือ 3 คือลดลง 90% น่าจะช่วยยืดอายุปอดผู้สูงวัยได้
โชคดีว่าเครื่องที่บ้านเป็นแบบวัดค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์ได้ด้วย ทำให้มั่นใจคุณภาพเครื่องและการเลือกใช้เครื่องให้เหมาะสมกับขนาดห้อง ถ้าห้องมีขนาดสูงหรือต่ำกว่าความสูงห้องทั่วไป (2.4-2.7 เมตร) อาจมีผลต่อการคำนวณค่า CADR ตามสูตรที่กล่าวมาแล้ว
แล้วจะใช้ค่าฝุ่นที่วัดได้จากหน่วยงานที่วัดแล้วแจ้งในช่องทางต่าง ๆ อย่างไร
ค่าที่รายงานฝุ่นเฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ปัจจุบัน ถ้าเกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะมีค่า AQI เกิน 100 หรือเป็นสีส้ม
ถ้าเกิน 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะมีค่า AQI เกิน 150 หรือเป็นสีแดง
ถ้าเกิน 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะมีค่า AQI เกิน 200 หรือเป็นสีแดงเข้ม
ส่วนค่าที่วัดได้เป็นรายชั่วโมงแบบเรียลไทม์ขณะนั้นแค่ไหนจะถือว่าอันตราย ปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานรองรับ แต่ถ้ายึดตามหน่วยงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของอเมริกา (US EPA) ให้คิดจากสองเท่าของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 24 ชั่วโมง
ดังนั้นถ้าค่าฝุ่นเฉพาะหน้าขณะนั้นเกิน 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (สองเท่าของ 37.5 ที่กล่าวไปแล้ว) คนปกติไม่ควรโผล่หัวไปกลางแจ้งโดยไม่มีเครื่องป้องกันและควรงดออกกำลังกายกลางแจ้ง (คนกลุ่มเปราะบางต้องลดเหลือ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
แต่ถ้าถึง 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ให้ทุกคนหดหัวอยู่ในห้องแอร์หรือห้องแบบปิดหรือห้องปลอดฝุ่นแล้วเปิดเครื่องฟอกอากาศเต็มที่
ถ้ายังเอาไม่อยู่ไหลไปถึง 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ให้มองหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจเตรียมไว้ได้ เหมือนครั้งไปเยือนวัดมเหยงคณ์ อันซีนอยุธยา
ขอประณามฝ่ายใดก็ตามที่ยิงถล่มโรงพยาบาลในฉนวนกาซ่า จนมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ทั้งผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย ไปจนถึงแพทย์ พยาบาล และบุคลากรอื่นของโรงพยาบาล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอธีระวัฒน์’ เตือนฝุ่น PM2.5 เพิ่มทุก 10 ไมโครกรัม เสี่ยงตายเพิ่ม 4.14%
- สธ. เตือนแล้ว ค่าฝุ่น PM2.5 หลายจังหวัดพุ่งแตะระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
- ‘หมอนิธิพัฒน์’ ส่งจม.ฉบับ 2 ถึง ‘หมอชลน่าน’ เตือนบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ซ้ำเติมปัญหาสมองไหล
