เปิดใจ “พี่แจ๋ม” หญิงไทยหัวใจแกร่ง ผู้ช่วยเหลือคนไทยที่ประสบภัยจากเหตุรุนแรง เผยเกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว
คนไทยชื่นชม “พี่แจ๋ม” หรือนางวิภาวดี วรรณชัย อายุ 40 ปี ชาวบ้านหนองแวง ต.กุดดู่ อ.โนนสังข์ จ.หนองบัวลำภู สาวที่ถูกยกให้เป็นวีรสตรีไทยในอิสราเอล จากการเข้าช่วยเหลือแรงงานไทยที่ประเทศอิสราเอล ที่ประสบภัยจากการสู้รบของอิสราเอลกับฮามาส
“พี่แจ๋ม” หรือนางวิภาวดี วรรณชัย อายุ 40 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า แต่งงานกับสามีชาวอิสราเอล ซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความและเปิดสำนักงานทนายความ เพื่อรับปรึกษาและว่าความในอิสราเอล รวมถึง รับเรื่องร้องเรียนจากแรงงานไทยในอิสราเอลมากว่า 15 ปีแล้ว มีบุตรด้วยกัน 3 คน แต่ปัจจุบันได้เลิกกับสามีแล้ว และในช่วงเกิดเหตุรุนแรงได้ไปอยู่กับ “พี่น้อง” คนไทยอีกคน ที่ร่วมกันตระเวนช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล
ในช่วงเกิดเหตุรุนแรงที่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลนั้น มีแรงงานไทยที่เคยติดต่อกับสำนักงานทนายความโทรศัพท์มาหา แชตข้อความมาขอความช่วยเหลือ จึงจับมือคุยกับ “พี่น้อง” ว่าเกิดมาชาติเดียว ตายครั้งเดียว เราจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนไทย จากนั้นก็พากันขับรถออกไปพบกับแรงงานที่ขอความช่วยเหลือมา แรงงานบางคน แคมป์ที่พักถูกเผาทำลายไม่เหลือเอกสารสำคัญติดตัว
วีรสตรีไทยสองคน ขับรถบุกเข้าพื้นที่อันตรายเพื่อพาแรงงานไทยที่ติดค้างอยู่ในนั้นออกมา สาธุ🙏
พี่แจ๋ม-พี่น้องทั้งคู่ได้รับการประสานจากแรงงานไทยและญาติ ให้เข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากติดอยู่ในแคมป์ ไม่สามารถออกมาได้
ในคลิปจะเห็นว่า ขณะที่ทั้งสองคนขับรถเข้าไปในแคมป์… pic.twitter.com/D4UOayqKcJ
— Red Skull (@RedSkullxxx) October 16, 2023
เมื่อเกิดเหตุรุนแรง ได้รับบาดเจ็บ ต้องการกลับบ้าน ก็ต้องดำเนินการจัดการติดต่อกับทุกฝ่าย เพื่อให้คนไทยได้กลับบ้าน โดยเฉพาะ “โอโน่” กับ “ชาตรี” แรงงานไทยที่ถูกยิง ไม่มีเอกสารติดตัว แต่ลงทะเบียนเดินทางกลับประเทศไทย ในขณะเดียวกันก็มีแรงงานไทยที่ทราบเรื่อง ก็เดินทางมาหาที่สนามบิน จึงได้ติดต่อกับทุกฝ่ายจนทุกคนได้พาสปอร์ตขาว จากนั้นก็เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยได้พร้อมกันทุกคน
พี่แจ๋ม กล่าวอีกว่า การช่วยเหลือแรงงานไทยที่ร้องขอความช่วยเหลือมานั้น ไม่ง่ายเลย เพราะอันตรายทุกจุด บางจุดทหารก็ไม่ให้เข้า แต่จำเป็นต้องเข้าไปเพื่อช่วยเหลือคนไทยออกมา ทหารก็เข้าใจและรักษาความปลอดภัยให้ จนช่วยเหลือแรรงานไทยได้ ทุกครั้งที่เดินทางเข้าไปช่วยเหลือแรงงานไทยนั้น ไม่มีเครื่องรางของขลังหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ มีเพียงบอกกล่าวพระเจ้าให้เปิดทาง คุ้มครองให้ทุกอย่างที่ตั้งใจทำ ราบรื่นและปลอดภัย
“ขอให้คนไทยที่ทำงานในอิสราเอล มีสติ และมีความปลอดภัย เชื่อฟังเจ้าหน้าที่ อย่าออกนอกพื้นที่ เพราะหากเกิดเหตุร้ายไม่มีใครช่วยเหลือเราได้ ยอมรับว่า ทุกคนลำบาก แต่ถ้ามีสติ ตั้งใจ ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ ส่วนสถานการณ์ในอิสราเอลนั้น ทุกวันนี้ ยังไม่มีความคลี่คลายลงเลย ขอให้ทุกคนระวัง รักษาตัวเองให้ดี และดีใจกับคนไทยที่ปลอดภัยและได้กลับบ้าน เสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกรายด้วย”
พี่แจ๋ม กล่าวอีกว่า กลับมาที่บ้านในครั้งนี้ เพราะมารดาเสียชีวิตเมื่อวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา จึงมาเคารพศพแม่และร่วมพิธีฌาปนกิจศพคุณแม่ และจะอยู่ที่บ้านจนถึงเดือนธันวาคม 2566 จึงจะเดินทางกลับประเทศอิสราเอล แต่ในช่วงที่กลับมาที่บ้าน แรงงานไทย และคนไทยที่อิสราเอล ยังคงติดต่อสื่อสารกันได้ตามปกติ และในพื้นที่ก็ยังมีพี่น้อง ยังคอยให้ความช่วยเหลือคนไทยอยู่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- คนหลายร้อยแห่ร่วมงานศพ หนูน้อยมุสลิมในสหรัฐ เหยื่อ ‘สงครามอิสราเอล-ฮามาส’
- กรมการจัดหางาน เตรียมงานกว่า 6 หมื่นอัตรา รองรับแรงงานไทยกลับจากอิสราเอล
- แรงงานไทยชุด 5 จำนวน 244 คน จากอิสราเอล ถึงไทยแล้ว