กระทรวงแรงงาน รับ 130 แรงงานไทย พร้อมแนะนำการรับสิทธิประโยชน์กองทุนฯ กรณีได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม ต้องกลับประเทศ
วันนี้ (16 ต.ค. 2566) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัด กระทรวงแรงงาน มอบหมายนายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ร่วมรับแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในอิสราเอล จำนวน 130 คน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6
นายไพโรจน์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงานให้ดูแลแรงงานไทยจำนวน 130 คน (ชาย 127 คน หญิง 2 คนและเด็ก 1 คน) ที่เดินทางกลับมาพร้อมกับเครื่องบินกองทัพอากาศ แอร์บัส A340-500 ซึ่งกลับจากการส่งทีมข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่ร่วมเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในการอพยพแรงงานไทยที่อิสราเอล
สำหรับแรงงานไทยกลุ่มนี้ถือเป็นแรงงานชุดที่ 4 ที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้กับสถานทูตฯ และเดินทางถึง ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ประเทศไทย ในช่วงเวลา 06.48 น.ของวันนี้
กระทรวงแรงงาน จึงจัดเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะให้คำแนะนำเรื่องการรับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ เพื่อให้แรงงานไทยที่กำลังลำบากสามารถรับเงินสิทธิประโยชน์โดยเร็วที่สุด
สำหรับแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ และอยู่ในความคุ้มครอง มั่นใจได้เลยว่า เบื้องต้นมีสิทธิ์รับสิทธิประโยชน์กองทุนฯ กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยเนื่องจากภัยสงคราม รายละ 1.5 หมื่น บาท
ส่วนกรณีที่มีการรับรองจากแพทย์ว่าทุพพลภาพ จะได้รับการสงเคราะห์ เป็นจำนวน 3 หมื่นบาท หรือกรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ จะสงเคราะห์จำนวน 4 หมื่นบาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพในต่าง ประเทศเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 4 หมื่นบาทด้วย
นอกจากนี้ประเทศอิสราเอลยังมีสวัสดิการตามกฎหมาย (ประกันการทำงาน + นายจ้างจ่าย) กรณีบาดเจ็บ/ พิการตามการรับรองของแพทย์ แบ่งเป็น บาดเจ็บ 10-19% ได้รับเงินก้อนเดียว ประมาณ 1.44 ล้านบาท บาดเจ็บเกิน 20% ได้รับเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าจะเสียชีวิต โดยประเมินจากความสูญเสีย
กรณีเสียชีวิต ภรรยาและบุตร ได้รับเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าภรรยาจะแต่งงานใหม่ และบุตรอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ (ภรรยาเป็นเงิน 34,560 บาทต่อเดือน, บุตร เป็นเงิน 5,760-11,520 บาทต่อเดือน)
ด้านนายสันติ นันตสุวรรณ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สำหรับแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ สามารถยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อรับสิทธิประโยชน์จากกองทุนฯ ได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดที่อยู่ในภูมิลำเนา โดยเบื้องต้นต้องเตรียมเอกสาร ได้แก่
- สำเนาบัตรสมาชิกกองทุนฯ (ถ้ามี)
- สำเนาหนังสือเดินทาง (ทุกหน้าที่มีข้อมูลและมีตราประทับ ถ้าไม่ได้ประทับตราวันที่กลับเข้าไทยให้แนบสำเนาบัตรโดยสารเครื่องบินวันที่เดินทางกลับเข้าประเทศไทย)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาใบอนุญาตทำงาน หรือ สำเนาบัตรวีซ่าทำงาน
- สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารของผู้ยื่นคำร้อง (ธนาคารใดก็ได้ พร้อมกรอกแบบฟอร์ม KTB Corporate Online)
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1694 กรมการจัดหางาน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘คลัง’ เล็งยกหนี้ให้แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุความขัดแย้งในอิสราเอล
- ‘อิสราเอล’ คาด ‘ฮามาส’ คุมตัวประกันไว้ในอุโมงค์ใต้ดิน
- ‘รมช.ตปท.’ ยันรัฐบาลพร้อมรับผิดชอบค่าตั๋วเครื่องบินแรงงานไทยทุกคน!