อัปเดตน้ำท่วม 6 จังหวัด รวม 21 อำเภอ 93 ตำบล 13,916 ครัวเรือน อุบลฯ-กาฬสินธุ์ ระดับน้ำยังเพิ่มขึ้น
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากสถานการณ์ฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 15 ตุลาคม 2566 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 35 จังหวัด รวม 145 อำเภอ 554 ตำบล 2,815 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 58,776 ครัวเรือน
อัปเดตน้ำท่วม 6 จังหวัด รวม 21 อำเภอ 93 ตำบล 13,916 ครัวเรือน
ปัจจุบันอัปเดตน้ำท่วมข้อมูลวันที่ 15 ตุลาคม 2566 เวลา 06.00 น.ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี และยะลา รวม 21 อำเภอ 93 ตำบล 532 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,916 ครัวเรือน
- 1. เพชรบูรณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหล่มสัก และอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ รวม 9 ตำบล 41 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 210 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- 2. พิษณุโลก น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังทอง อำเภอบางระกำ และอำเภอเมืองพิษณุโลก รวม 11 ตำบล 34 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 351 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- 3. ร้อยเอ็ด น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเชียงขวัญ และอำเภอจังหาร รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 106 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- 4. กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 10 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอร่องคำ อำเภอฆ้องชัย อำเภอยางตลาด อำเภอกมลาไสย อำเภอสามชัย อำเภอท่าคันโท อำเภอหนองกุงศรี อำเภอสหัสขันธ์ และอำเภอห้วยเม็ก รวม 59 ตำบล 399 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,152 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- 5. อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ และอำเภอสว่างวีระวงศ์ รวม 10 ตำบล 49 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,069 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- 6. ยะลา น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเบตง รวม 2 ตำบล 6 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 28 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
อุบลฯ–กาฬสินธุ์ ระดับน้ำยังเพิ่มขึ้น
ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำลดลงเกือบทุกพื้นที่ ยังคงมีที่จังหวัดกาฬสินธุ์และอุบลราชธานีที่มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน
โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถประกอบอาหาร เพื่อแก้ไขปัญหา เร่งระบายน้ำ และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ขอความร่วมมือนายจ้าง ลูกจ้างได้รับผลกระทบน้ำท่วม หยุดงานโดยไม่ถือเป็นวันลา
- นายจ้างอ่านด่วน! ประกันสังคม แจงแนวทาง ‘แรงงานต่างด้าว’ ขึ้นทะเบียน-จ่ายเงินสมทบ ตามมติครม.
- เสิร์ฟ 6 พันหลักสูตรฟรี! ชวนคนหางาน ‘พัฒนาทักษะ’ ก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงาน ผ่านเว็บ ‘ไทยมีงานทำ’