General

เปิดประวัติ ‘3 มือดี’ ตรวจสอบคดีค้นบ้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’

เปิดประวัติ 3 มือดี นายกฯ แต่งตั้งตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายคดีค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก”  

จากกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 247/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีการเข้าค้นบ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเคหะสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศ ประกอบไปด้วย

  1. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการ
  2. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด กรรมการ
  3. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กรรมการและเลขานุการ

บิ๊กโจ๊ก

ผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้ ต่างได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อตรง และความสามารถ โดยประวัติของทั้งกรรมทั้ง 3 ราย มีดังต่อไปนี้ 

  • นายฉัตรชัย พรหมเลิศ

หรือปลัดฉิ่ง อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ชนะการเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท (ข) อันดับ 1  และเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นประธาน กรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นนักปกครองที่มีผลงานและความสามารถคนหนึ่

บิ๊กโจ๊ก

  • นายชาติพงษ์ จีระพันธุ

อดีตรองอัยการสูงสุด นายชาติพงษ์ ขึ้นชื่อเรื่องปราบการทุจริต เคยนั่งรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ เป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญ ของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี เช่น คดีนิติบุคคล ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร  ขณะนี้มีกรณีพิพาท ระหว่างประเทศไทยกับประเทศฟิลิปปินส์ ในเรื่องนี้ที่องค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ ,คดีทุจริต สหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร รวมถึงคดีทุจริตการฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน

เป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด ที่สั่งไม่ฟ้องคดี “บอส” ที่ถูกเลือกเข้ามาเป็น 1 ใน 3 กรรมการทั้งที่ไม่ได้เป็น ก.ตร.ถือเป็นกรรมการคนกลางอย่างแท้จริง มีความรู้เรื่องในวงการตำรวจเป็นอย่างดี

บิ๊กโจ๊ก

  • พล.ต.อ.วินัย ทองสอง

อดีตรอง ผบ.ตร.  ที่มาจากอดีตข้าราชการตำรวจ และนายกสมาคมตำรวจ  เคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566 ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ

บิ๊กโจ๊ก
ภาพ: https://www.cops-magazine.com/

ทั้งนี้ ในคำสั่งของนายกรัฐมนตรีนั้น ระบุว่า ตามที่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังเข้าค้นบ้านพักข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเคหะสถานอื่นอีกหลายสิบแห่งในหลายจังหวัดทั่วประเทศ เนื่องจากพบว่ามีข้อมูลเชื่อมโยงเส้นทางการเงินเกี่ยวกับเว็บไซต์การพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 และที่จะดำเนินการต่อเนื่องไปนั้น

โดยที่กรณีดังกล่าวเป็นที่สนใจของประชาชนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งกระทบกระเทือนต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอย่างรุนแรง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายขจัดผู้มีอิทธิพล และการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพนันออนไลน์ ให้หมดสิ้นไปอย่างจริงจัง สมควรที่สังคมจะมีโอกาสทราบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ตลอดจนพฤติกรรมและพฤติการณ์ของบุคคลผู้เกี่ยวข้อง ภายใต้หลักความโปร่งใส และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ให้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีการเข้าค้น บ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย

1. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการ

2. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด กรรมการ

3. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กรรมการและเลขานุการ

ทั้งนี้ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจำนวนไม่เกิน 2 คนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ

บิ๊กโจ๊ก
เศรษฐา ทวีสิน

ข้อ 2. คณะกรรมการตามข้อ 1 มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับการเข้าค้นบ้านพักข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเคหะสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 และที่จะดำเนินการต่อเนื่องไป แล้วรายงานนายกรัฐมนตรีภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องไม่ก้าวล่วงหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวได้ตามที่เห็นสมควร ในกรณีที่จำเป็นนายกรัฐมนตรี อาจมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาตามวรรคหนึ่งออกไปอีก ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการรายงานความคืบหน้าต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะทุกสิบวัน

ข้อ 3. เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามคำสั่งนี้ ให้คณะกรรมการมีอำนาจเชิญ หรือประสานขอความร่วมมือ หรือขอเอกสารต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบ สอบถาม หรือขอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาได้ และให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงาน ของรัฐที่ได้รับเชิญหรือขอความร่วมมือ ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการโดยถือเป็นลำดับความสำคัญเร่งด่วนที่สุด

ข้อ 4. ให้คณะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการได้รับเบี้ยประชุมตามที่กระทรวงการคลังกำหนด

คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะทำงานเพียงเท่าที่จำเป็น เพื่อพิจารณาศึกษาหรือ ปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้ โดยให้คณะทำงานได้รับค่าตอบแทนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด

เบี้ยประชุมตามวรรคหนึ่ง และค่าตอบแทนตามวรรคสอง ให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight