General

WHO เผย ‘โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ’ คร่าชีวิตผู้คน 41 ล้านคนในแต่ละปี 3 ใน 4 เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

WHO เผย “โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ” คร่าชีวิตผู้คน 41 ล้านคนในแต่ละปี 3 ใน 4 เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า ข้อมูลองค์การอนามัยโลกพบว่า โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ (NCDs) คร่าชีวิตผู้คนไป 41 ล้านคนในแต่ละปี หรือคิดเป็น 74% ของการเสียชีวิตของคนทั่วโลก

ประเทศไทยตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาพบกลุ่มโรค NCDs เป็นสาเหตุของการตายอันดับ 1 มีผู้ป่วยด้วยโรค NCDs ถึง 14 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 300,000 คนต่อปี

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์  รพ. รามาธิบดีจึงได้ร่วมมือกับองค์กรรัฐและเอกชนในการนำเทคโนโลยีด้านจีโนมิกส์แบบประหยัดกล่าวคือ โภชนพันธุศาสตร์ จีโนมิกส์การออกกำลังกาย เภสัชพันธุศาสตร์ และไมโครไบโอม มาช่วยปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นโดยลดความเสี่ยงของการเกิดโรค NCDs โดยเฉพาะกับกลุ่มรากหญ้าเพราะผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs ทั่วโลกมากกว่าสามในสี่ (31.4 ล้านคน) เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง

โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ

โรคเรื้อรังไม่ติดต่อสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในปัจจุบัน

โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ (NCDs) เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในยุคปัจจุบัน โดยคิดเป็น 74% ของการเสียชีวิตทั้งหมดของประชากรทั่วโลก ในปี 2564 มีผู้เสียชีวิตจากโรค NCDs ทั่วโลก 41 ล้านคน รวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ (44% ของโรค NCDs) มะเร็ง (23%) โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง (10%) และเบาหวาน (4%)

สาเหตุการเสียชีวิต 10 อันดับแรกในปี 2562 ส่วนใหญ่เป็นโรค NCDs  โดย 7 ใน 10 อันดับแรกเป็นโรค NCDs คิดเป็น 44% ของการเสียชีวิตทั้งหมด หรือ 80% ของ 10 อันดับแรก

โรคเรื้อรังไม่ติดต่อส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางมากกว่าประเทศที่มีรายได้สูง โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคเรื้อรังไม่ติดต่อทั่วโลกมากกว่าสามในสี่ (31.4 ล้านคน)

โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ

10 อันดับแรกของโรคที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลก

ในปี 2562 สาเหตุการเสียชีวิต 10 อันดับแรกคิดเป็น 55% ของการเสียชีวิต 55.4 ล้านคนทั่วโลก สาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ทั่วโลก ได้แก่:

  1. โรคหัวใจขาดเลือด
  2. โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) -สมองขาดเลือดหรือมีเลือดออกในสมอง
  3. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
  4. การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง (ปอดบวม)
  5. ภาวะของทารกแรกเกิด (ภาวะขาดอากาศหายใจจากการคลอด การบาดเจ็บจากการคลอด ภาวะติดเชื้อในทารกแรกเกิด ภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดก่อนกำหนด)
  6. หลอดลม และมะเร็งปอด
  7. โรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมอื่น ๆ
  8. โรคเบาหวาน
  9. โรคไต
  10. โรคตับ (รวมถึงโรคตับแข็ง)

จะเห็นได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตหลัก 7  ใน 10 อันดับ คือบรรดาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs  ซึ่งคิดเป็น 44% ของการเสียชีวิตทั้งหมด หรือ 80% ของผู้เสียชีวิต 10 อันดับแรก

โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ

สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (American Heart Association; AHA)ได้ออกชุดมาตรการสำคัญในการปรับปรุงและรักษาสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดเรียกว่า “Life’s Essential 8 (LE8)”  ประกอบด้วย

(1) คุมน้ำหนัก

(2) คุมความดัน

(3) คุมไขมัน

(4) คุมน้ำตาล

(5) การออกกำลังกาย

(6) เลิกบุหรี่

(7) เลิกแอลกอฮอล์

(8) นอนให้พอเพียง

โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ

กลุ่มผู้มีรายได้น้อยการศึกษาน้อย แนวโน้มตความชุกของโรคสูง

จากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ปี พ.ศ. 2552, 2557, 2562 และ 2563 เพื่อดูแนวโน้มความชุกของโรคเรื้อรังไม่ติดต่อหรือ NCDs โดย ศ. นพ. วิชัย เอกพลากร และทีมวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ รพ. รามาธิบดี จำนวน 58,593 รายพบมีความชุกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะ **กลุ่มประชากรที่มีการศึกษาน้อย (ขาดการตระหนักรู้เรื่องสุขภาพหรือ health literacy) มีอัตราเสี่ยงสูงสุดเป็น 2.27 เท่า (HR 2.27) เทียบกับคนที่มีการศึกษาสูง**

อย่างไรก็ดีพบว่ากลุ่มคนที่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ดี 8 ประการ (Life’s Essential) สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองลงได้ถึง 70%

นอกจากนี้ทีมวิจัยยังพบว่ากลุ่มผู้มีรายได้น้อยและมีการศึกษาน้อย เป็นกลุ่มที่มีขนาดปัญหาด้านสุขภาพมากทั้งในด้าน

  • ความชุก(prevalence) โรคเบาหวาน ความดันโลหิต และปัจจัยเสี่ยง
  • อุบัติการณ์ (incidence) โรคหลอดเลือดหัวใจและอัตราเสี่ยงต่อการตาย (mortality)
  • กลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย มีโอกาสเข้าถึงปัจจัยการมีสุขภาพดีที่น้อยกว่ากลุ่มผู้มีรายได้สูง
  • กลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยเข้าถึงการวินิจฉัยโรคเบาหวาน ความดันฯ น้อยกว่ากลุ่มผู้มีรายได้สูง

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์  รพ. รามาธิบดีจึงได้ร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและเอกชนในการนำเทคโนโลยีด้านจีโนมิกส์ กล่าวคือ “โภชนพันธุศาสตร์” “จีโนมิกส์การออกกำลังกาย” “เภสัชพันธุศาสตร์” และ “ไมโครไบโอม” มาปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ดี 8 ประการ (Life’s Essential หรือ LE8) ช่วยให้ประชากรไทยแต่ละคนสามารถปรับพฤติกรรมและปัจจัยด้านสุขภาพให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรค NCDs

โดยเฉพาะประชากรไทยในระดับรากหญ้าควรสามารถเข้าถึงการตรวจกรองและการรักษาได้เพราะผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs ทั่วโลกมากกว่าสามในสี่ (31.4 ล้านคน) เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง

โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ

4 เทคโนโลยีด้านจีโนมิกส์ ที่ศูนย์จีโนมฯนำมาประยุกต์ใช้

  1. โภชนพันธุศาสตร์ หรือการปรับการรับประทานอาหารตามยีน เป็นการศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างสารอาหารกับจีโนมของเรา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุผลกระทบของสารอาหารต่อการแสดงออกของยีนและสุขภาพของมนุษย์ เนื่องจาก LE8 เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ โภชนพันธุศาสตร์จึงจะมีบทบาทอย่างสำคัญในการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงของโรค NCDs
  2. จีโนมิกส์ของการออกกำลังกาย หรือการออกกำลังกายตามยีน เป็นการศึกษาว่าปัจจัยทางพันธุกรรมมีอิทธิพลต่อการตอบสนองต่อการออกกำลังกายและการออกกำลังกายของแต่ละบุคคลอย่างไร การออกกำลังกายเป็นองค์ประกอบสำคัญของ LE8 และการทำความเข้าใจจีโนมิกส์การออกกำลังกายสามารถช่วยพัฒนาแผนการออกกำลังกายส่วนบุคคลเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดและลดความเสี่ยงของโรค NCDs
  3. เภสัชพันธุศาสตร์ หรือการปรับยาตามยีนเป็นการศึกษาว่าปัจจัยทางพันธุกรรมมีอิทธิพลต่อการตอบสนองต่อยาของแต่ละบุคคลอย่างไร ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดด้วยยาและลดผลข้างเคียง แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ LE8 แต่เภสัชพันธุศาสตร์สามารถมีส่วนช่วยในการใช้ยาเฉพาะบุคคลและช่วยจัดการโรค NCDs ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. ไมโครไบโอม หรือการจัดการความหลากหลายของจุลินทรีย์ในร่างกายเรา จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในและบนร่างกายมนุษย์ มีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพของมนุษย์ในด้านต่างๆ รวมถึงการย่อยอาหาร การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และการเผาผลาญอาหาร ไมโครไบโอมที่ดีต่อสุขภาพสามารถช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นและอาจช่วยป้องกันโรค NCDs ได้

LE8 ส่งเสริมวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี รวมถึงการรับประทานอาหารที่สมดุลและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถส่งผลเชิงบวกต่อไมโครไบโอมทั้งชนิดและปริมาณที่จะสนับสนุนสุขภาพโดยรวม คาดว่าเราสามารถใช้ชนิดและปริมาณของไมโครไบโอมในแต่ละคนมาเป็นดัชนีชี้วัดด้านสุขภาพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo