‘สส.’ เปิดตัว ‘ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม’

โดย WANPEN PUTTANONT 15 กรกฎาคม 2566

สส. เปิดตัว “ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” มุ่งบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

วันนี้ (15 กรกฎาคม 2566) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) เปิดศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ณ ศูนย์บริการประชาชน ชั้น 2 อาคารกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และถ่ายทอดสดผ่านระบบ Facebook LIVE กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

สำหรับศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานกลาง บูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลของทุกจังหวัด รวบรวมข้อมูลการลดและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เป็นศูนย์เรียนรู้และสื่อสารข้อมูลองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงเป็นศูนย์ติดตาม การพยากรณ์และคาดการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ นับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เตรียมพร้อมรองรับ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ให้สามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2618 อย่างมีประสิทธิภาพ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าร่วมการประชุม World Leaders Summit

การประชุมดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (UNFCCC COP26) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร ได้ประกาศเป้าหมายที่ประเทศไทยจะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2618

ด้วยเหตุนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการจัดทำ Roadmap แผนที่นําทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี 2564-2573 แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (NAP) และแผนงานต่าง ๆ รวมถึงมีนโยบายในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความหลากหลายทางชีวภาพของทุกจังหวัดทั่วประเทศขึ้น

พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด เป็นหน่วยประสานบูรณาการงานและข้อมูลในระดับจังหวัด เพื่อเป็นศูนย์การสื่อสาร สร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักถึงเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงประเด็นด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในจังหวัด ท้องถิ่น และประชาชน สามารถนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปใช้ให้เกิดประโยชน์

ที่ผ่านมาได้มีการเปิดศูนย์ไปแล้ว 3 ศูนย์ ศูนย์แรกที่จังหวัดกระบี่ ศูนย์ที่สองจังหวัดเลย และศูนย์ที่สามจังหวัดเชียงใหม่ ตามลำดับ ซึ่งหากศูนย์ทั้ง 76 จังหวัดเปิดตัวครบทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็จะทำให้ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ข้อมูลการลดก๊าซเรือนกระจก ข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และข้อมูลความเสี่ยงเชิงพื้นที่จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัดทั้งหมด

ข้อมูลดังกล่าว จะนำไปสู่การตัดสินใจ และแก้ไขปัญหาของจังหวัด ในเรื่องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เรื่องความหลากหลายทางชีวภาพได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการบูรณาการ การเชื่อมโยงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้ง 76 จังหวัด การจัดทำฐานข้อมูลบัญชีก๊าซเรือนกระจกระดับประเทศ และการติดตามสถานการณ์ความเสี่ยงในภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับประเทศและระดับโลก

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกา เปลี่ยนชื่อ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็น กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานตามภารกิจกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและไร้รอยต่อ จึงได้จัดตั้งศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมขึ้น

นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การเปิดศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมในวันนี้ ได้รับเกียรติจากนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาเป็นประธาน พร้อมด้วยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติมาร่วมงาน รวมถึงผู้บริหาร เจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนักศึกษา ปธส. 10 เข้าร่วมพิธีเปิดศูนย์ดังกล่าว

นับเป็นนิมิตรหมายที่ดี ของการก้าวย่างสู่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมนี้ จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานกลาง บูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลของทุกจังหวัด รวบรวมข้อมูลการลดและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เป็นศูนย์เรียนรู้และสื่อสารข้อมูลองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงเป็นศูนย์ติดตาม การพยากรณ์และคาดการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีภารกิจ 4 ด้าน คือ

1. ส่งเสริม สนับสนุน การสร้างการรับรู้ สื่อสารสร้างความเข้าใจ และการตระหนักรู้ในการแก้ไขปัญหา รับมือและปรับตัว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของทุกภาคส่วน รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ การค้นคว้าผลงาน งานวิจัย เอกสาร องค์ความรู้ต่างๆ ทางวิชาการด้านก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับประเทศ

2. ประสาน ส่งเสริมสนับสนุน ขับเคลื่อนและเชื่อมโยงกิจกรรมต่างๆ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับพื้นที่ (กลุ่มจังหวัด/จังหวัด/องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น) รวมทั้งให้คำปรึกษาทางวิชาการ สนับสนุนองค์ความรู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับศูนย์ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพระดับจังหวัด

3. บูรณาการความร่วมมือ เชื่อมโยงข้อมูล ฐานข้อมูลการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ข้อมูลการลดก๊าซเรือนกระจก ข้อมูลความเสี่ยงเชิงพื้นที่จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในและภายนอกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และระดับนานาชาติ

4. เป็นศูนย์ติดตาม พยากรณ์ คาดการณ์ แนวโน้มสถานการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแจ้งเตือนพร้อมแผนและแนวทางปฏิบัติ ข้อเสนอแนะ ให้กับรัฐบาล ประชาชน สำหรับการแก้ไขปัญหา การรับมือและปรับตัว กับสถานการณ์ความเสี่ยงเชิงพื้นที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ศูนย์ฯ ดังกล่าว นับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เตรียมพร้อมรองรับ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ให้สามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2618 อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม