General

‘ตำรวจไซเบอร์’ เปิด 10 อันดับ ‘สินทรัพย์’ มิจฉาชีพชอบหลอกลงทุน

“ตำรวจไซเบอร์” เปิดรายชื่อ “สินทรัพย์” ที่มิจฉาชีพ ชอบหลอกลงทุน เผย มูลค่าความเสียหายสูงกว่า 11,200 ล้านบาท มากสุดเป็นอันดับ 1 ของการหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ 

วันนี้ (25 มิ.ย.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวว่า ในปัจจุบันกระแสความนิยมในการลงทุนสินทรัพย์ต่าง ๆ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบ

หลอกลงทุน

ที่ผ่านมามีประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยนับตั้งแต่การเปิดศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน พบว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์กว่า 23,200 ราย สูงเป็นลำดับที่ 4 หรือคิดเป็น 8.3% ของจำนวนเรื่องที่ได้รับแจ้งความทั้งหมด แต่มีมูลค่าความเสียหายกว่า 11,200 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นลำดับที่ 1 หรือคิดเป็น 28.72 % จากมูลค่าความเสียหายรวมของการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ

10 อันดับสินทรัพย์ที่มิจฉาชีพ มักนำมาหลอกลวงลงทุน

1. สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ฝากซื้อขายเหรียญในเว็บไซต์ปลอม หลอกให้ลงทุนซื้อเหรียญสกุลใหม่ ๆ แต่สุดท้ายไม่ได้เข้าตลาดซื้อขาย ธุรกิจการขุดเหมืองสกุลเงินดิจิทัล หรือการเช่า หรือซื้อกำลังขุดสกุลเงินดิจิทัล (Cloud Mining)

2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ (Forex) หลอกลงทุนเก็งกำไร

3. ทองคำ เพชร

4. หุ้นต่างประเทศ

5. หุ้น กองทุนรวม ในประเทศ เช่น Amata, Gulf, PTT, CPALL, บางจาก, AOT เป็นต้น

6. อสังหาริมทรัพย์

7. สินค้าอุปโภค เช่น คดีลงทุนฟาร์มเห็ด Turtle Farm, คดีลงทุนผักผลไม้ตลาดสี่มุมเมือง

8. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เช่น คดีพรีมายา (Primaya)

9. โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล

10. ลงทุนเล่นการพนันออนไลน์

หลอกลงทุน

ทั้งนี้ มิจฉาชีพมักจะใช้วิธีการสร้างเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ปลอม นำเสนอข้อมูล ตัดต่อ คัดลอก ภาพบุคคลที่มีชื่อเสียง องค์กร หรือบริษัทที่น่าเชื่อถือ ประกาศโฆษณาชักชวนบุคคลทั่วไป ให้มาลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ มีการันตีจะได้รับผลตอบแทนสูงในเวลาอันรวดเร็ว ใช้คำโฆษณาที่สวยหรู รวมถึงใช้เทคนิคการซื้อโฆษณาเพื่อง่ายต่อการเข้าถึงเป้าหมาย

โฆษก บช.สอท. กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาก็พบการกระทำความผิดในลักษณะของการหลอกลวงให้ลงทุน ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง วิธีการที่มิจฉาชีพนำมาใช้ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก เพียงแต่เปลี่ยนเรื่องราวไปตามกระแสความสนใจของสังคมในปัจจุบัน

โดยอาศัยความไม่รู้ และความโลภของประชาชนเป็นเครื่องมือ มักแอบอ้างภาพ หรือชื่อ ก.ล.ต. หรือหน่วยงาน บริษัท บุคคลที่มีชื่อเสียงในการโฆษณาชวนเชื่อ หรือการปลอมแปลงใบอนุญาต อ้างหรือตั้งชื่อให้ใกล้เคียงกับบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.

ปัจจุบันมิจฉาชีพสามารถเข้าถึงเหยื่อได้ง่ายมากยิ่ง ทำให้การหลอกลวงสามารถทำได้หลากรูปแบบ และหลายช่องทางมากขึ้น รวมไปถึงมิจฉาชีพก็มักจะสร้างความน่าเชื่อถือปิดช่องโหว่มากขึ้น เนื่องจากประชาชนเริ่มรู้เท่าทัน จากการเตือนภัยออนไลน์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo