General

ตำรวจไซเบอร์ เปิดโพย 10 งานเสริมยอดฮิต มิจฉาชีพใช้หลอกลวงประชาชน

ตำรวจไซเบอร์ เปิดเผย 10 งานเสริมหรือภารกิจยอดนิยมที่มิจฉาชีพมักนำมาใช้หลอกลวงประชาชน เช็กรายละเอียดที่นี่

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวว่า นับตั้งแต่การเปิดศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน พบว่า มีประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ หรือทำภารกิจต่าง ๆ กว่า 37,900 ราย ความเสียหายรวมกว่า 4,590 ล้านบาท

งานเสริม

ทั้งนี้ เป็นการหลอกลวงผ่านหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น จากการส่งข้อความสั้น (SMS) หรือการโทรศัพท์ไปหาเหยื่อโดยตรง แจ้งว่าได้รับสิ่งของฟรี หรือผ่านโฆษณาชวนเชื่อตามช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายต่าง ๆ

สำหรับงานเสริมในช่วงแรกจะเป็นง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และเหยื่อได้รับเงินในจำนวนเล็กน้อยจริง จากนั้นจะชวนเข้าไลน์กลุ่มมีงานที่ยากขึ้น หรืออ้างว่าได้เหยื่อรับภารกิจพิเศษ เมื่อทำงานหรือร่วมลงทุนดังกล่าวแล้ว จะได้รับค่าคอมมิชชัน หรือผลตอบแทนมากกว่างานช่วงแรก

แต่ต้องโอนหรือเติมเงินเข้าระบบเพื่อเป็นการวางมัดจำ หรือไว้เพื่อสำรองทำภารกิจเสียก่อน โดยจะได้รับเงินคืนทั้งหมดเมื่อทำงาน หรือทำภารกิจเสร็จสิ้น ซึ่งจะมีสมาชิกหน้าม้าในกลุ่มจำนวนหนึ่งคอยสร้างความน่าเชื่อถือ โดยแจ้งว่าเมื่อทำภารกิจเสร็จสิ้นจะได้รับเงินจริง กระทั่งเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปหลายครั้ง

นอกจากนี้แล้วในแต่ละภารกิจเหยื่อจะต้องโอนเงินที่มีจำนวนเงินมากขึ้นเป็นลำดับ ต้องทำภายในเวลาที่กำหนดเพื่อเร่งให้เหยื่อรีบตัดสินใจไม่ทันได้ระวัง แต่เมื่อเหยื่อจะถอนเงินในระบบกลับแจ้งว่า ยังทำภารกิจไม่เสร็จสิ้น หรือทำผิดกติกา หลักฐานการโอนเงินเหยื่อบันทึกข้อความไม่ครบหรือไม่ถูกต้อง ต้องปลดล็อก โอนหรือเติมเงินมาเพิ่มอีกหลายเท่าตัว

ท้ายที่สุดกว่าเหยื่อจะรู้ตัวก็สูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก หรือเป็นการกระทำที่ซ้ำเติมประชาชน เนื่องจากในบางรายเป็นเงินที่ต้องกู้ยืมผู้อื่นมา หรือเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายของชีวิต

10 งานเสริมยอดนิยมที่นำมาใช้หลอกลวง

1. พนักงานกดรับออเดอร์สินค้า แอบอ้างสัญลักษณ์ของแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada, Amazon

​2. กดไลก์ กดถูกใจ บัญชีผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Facebook, TikTok. Instagram หรือกดแชร์ กดโหวตภาพยนตร์ เป็นต้น

​3. รับชมคลิปวิดีโอเพื่อเพิ่มยอดวิวใน YouTube, TikTok

​4. งานรีวิว หรืองานทดลองใช้สินค้าหรือบริการต่าง ๆ เช่น รีวิวสถานที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร

​5. งานรับจ้างนอนโรงแรม อ้างแค่นอนหลับก็มีรายได้

งานเสริม1
ภาพ: นิตยสารฉลาดซื้อ

​6. บรรจุหรือแพ็กสิ่งของต่างๆ เช่น สบู่ ยางมัดผม พวงกุญแจ

​7. งานฝีมือสามารถทำได้ที่บ้าน เช่น ร้อยลูกปัด ทำริบบิ้น ฉีกเชือกฟาง พับนกกระดาษ พับดาว พับเหรียญโปรยทาน

​8. ลงทุนส่งเสริมการโปรโมทสื่อสังคมออนไลน์ในสังกัด ตามเรทราคาต่าง ๆ

​9. ถ่ายรูปเซลฟี่ไม่ต้องเห็นใบหน้า หลังจากส่งเสื้อผ้าให้ ไม่จำกัดส่วนสูงน้ำหนัก

​10. ตัดต่อวิดีโอสั้น ไม่ต้องมีประสบการณ์ สอนให้ฟรี

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า การหลอกลวงในรูปแบบดังกล่าว ยังคงมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่ออย่างต่อเนื่อง โดยมิจฉาชีพจะอาศัยความไม่รู้ และความโลภของประชาชนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง

ทั้งนี้ เหยื่อมักเสียดายเงินที่เคยโอนไปก่อนหน้านี้ อยากได้เงินทั้งหมดคืน จึงหลงเชื่อโอนเงินไปเพิ่มอีกหลายครั้งเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาก็ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์หลายครั้ง

เพราะฉะนั้นการทำกิจกรรม หรือธุรกรรมใด ๆ บนโลกออนไลน์ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพและมีสติอยู่เสมอ

แนวทางการป้องกัน 7 ข้อ

1. เมื่อพบคำเชิญชวนให้ทำงานออนไลน์ ผ่านทางข้อความสั้น (SMS) หรือผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อย่าได้เข้าไปติดต่อสมัครทำงานเป็นอันขาด อาจมีการแอบอ้างสัญลักษณ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเพิ่มความน่าเชื่อถือ

2. หลีกเลี่ยงข้อเสนอที่ฟังดูดี หรือมีผลตอบแทนสูง ทำง่าย มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน

3. หากท่านสงสัยว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้ปรึกษาสายด่วนของตำรวจไซเบอร์ ที่หมายเลข 1441 หรือ 081-866-3000 ตลอด 24 ชม.

4. หากสมัครทำงานไปแล้ว พบว่ามีการให้วางเงินมัดจำ หรือเงินลงทุน หรือสำรองเงินก่อนจะทำงานได้ ให้ฉุกคิดทันทีว่ากำลังโดนมิจฉาชีพหลอกลวง อย่าโอนเงินไปเด็ดขาด

5. ไม่โอนผ่านบัญชีของบุคคลธรรมดา และควรตรวจสอบเลขบัญชี หรือชื่อเจ้าของบัญชีก่อนโอนเงินทุกครั้ง ผ่านเว็บไซต์ Backlistseller.com, chaladohn.com

6. ไม่หลงเชื่อเพียงเพราะว่ามีการส่งสิ่งของ หรือให้เงินให้ในจำนวนเล็กน้อยก่อน

​7. หากท่านประสงค์ต้องการงานทำสามารถใช้บริการของกรมจัดหางานผ่านเว็บไซต์  smartjob.doe.go.th

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo