General

‘แพทยสภา’ เร่งตั้งคณะอนุกรรมการ 2 ชุด แก้ปัญหาแพทย์ลาออก

แพทยสภา ห่วงใยปัญหาแพทย์ลาออก และขาดแคลนแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข เร่งตั้งคณะอนุกรรมการ 2 ชุด ชี้รัฐบาลต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหา

วานนี้ (8 มิ.ย. 2566) ที่กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการประชุมคณะกรรมการ แพทยสภา ครั้งที่ 7/2566 โดย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา เป็นประธานการประชุมฯ เพื่อพิจารณาปัญหาการลาออกของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ภาระงานและปัญหาการขาดแคลนแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณา

แพทย์ลาออก

พลอากาศโทนายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวภายหลังการประชุมว่า ตามที่มีข่าวในสื่อว่าแพทย์ใช้ทุนสังกัดกระทรวงสาธารณสุขลาออกจำนวนมาก เป็นปัญหาที่แพทยสภาให้ความสำคัญและห่วงใย และพยายามแก้ไขปัญหาได้บางส่วนเท่าที่มีอำนาจกระทำได้

แต่ด้วยต้นเหตุเรื่องนี้ซับซ้อนมีบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ในการทำความเข้าใจ เพื่อนำเสนอรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันให้ปัญหานี้ยุติแบบยั่งยืน

ทั้งนี้ การลาออกของแพทย์ใช้ทุนนั้น เป็นปัญหาที่แพทยสภาให้ความสำคัญและห่วงใย โดยได้มีความพยายามติดตามปัญหามาโดยตลอด แต่แก้ไขได้เพียงบางส่วนเท่าที่มีอำนาจกระทำได้ ด้วยต้นเหตุเรื่องนี้มีความซับซ้อนและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ซึ่งมีประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ

1. แพทยสภาในฐานะองค์กรที่กำกับดูแลมาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย

คณะกรรมการแพทยสภา ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมอนามัย เจ้ากรมแพทย์ทหารบก เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศ และนายแพทย์ใหญ่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จำนวน 25 แห่ง ซึ่งผลิตแพทย์ในประเทศไทย โดยมีสัญญาชดใช้ทุน โดยส่วนใหญ่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในปีแรกเรียกว่า แพทย์เพิ่มพูนทักษะ

2. แพทยสภา ตั้งอนุกรรมการเพื่อดูแลแพทย์เพิ่มพูนทักษะเป็นเครือข่าย ปัจจุบันมี 35 เครือข่าย และ 140 โรงพยาบาล เพื่อตรวจเยี่ยมและประเมินสถาบันที่ปฏิบัติงานเพิ่มพูนทักษะ และดูแลแพทย์จบใหม่เกือบทั้งหมดที่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

การใช้ทุนแพทย์เพิ่มพูนทักษะปีที่ 1 เป็นโครงการร่วม เพื่อช่วยให้แพทย์ใหม่ได้เรียนรู้ในการดูแลผู้ป่วยและหัตถการอย่างต่อเนื่อง เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้แพทย์จบใหม่ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์

ทั้งนี้มี ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธาน เสนอปัญหาและแนวทางแก้ไข โดยตรงจากทุกเขตสุขภาพ ด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทยศาสตร์ต่าง ๆ ซึ่งตลอดช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาและลดปัญหาไปได้บางส่วน

แพทยสภา
พลอากาศโทนายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ

3. ปัญหาการลาออกจากราชการของแพทย์ใช้ทุน เป็นปัญหาเชิงซ้อน ซึ่งมีต่อเนื่องมาโดยตลอด มีการศึกษาและติดตามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแพทยสภา

แพทย์จบใหม่ทุกคน เป็นกลไกสำคัญของระบบสุขภาพ ที่ดูแลรักษาประชาชนผู้เจ็บป่วย  ให้การเข้าถึงระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย แต่ยังขาดประสบการณ์ และต้องการการดูแลจากอาจารย์ และแพทย์อาวุโสที่ร่วมปฏิบัติงานในพื้นที่ ให้เกิดความอุ่นใจ และปลอดภัยในการทำงาน ร่วมกับภาระงานต้องไม่หนักเกินกำลัง

ในกรณีนี้ แพทยสภาจึงได้กำหนดแนวทางชั่วโมงการทำงานไว้ ในประกาศแพทยสภาที่ 46/2565 กำหนดให้แพทย์เพิ่มพูนทักษะที่ทำงาน ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงให้พัก 4 ชั่วโมงอย่างน้อย และปฏิบัติงานนอกเวลาไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ส่วนการปฏิบัติงานเวรอุบัติเหตุฉุกเฉินได้ไม่เกิน 16 ชั่วโมงติดต่อกัน เพื่อความปลอดภัยของแพทย์และผู้ป่วย และติดตามว่าโรงพยาบาลใดบ้าง ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามแนวทางนี้ได้ และด้วยเหตุใด เพื่อแพทยสภาจะได้เป็นตัวกลางในการช่วยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาทางออกให้กับปัญหาดังกล่าว

เมื่อรวบรวมปัญหาที่ทำให้น้องแพทย์ใหม่แต่ละท่าน เกิดความทุกข์ในการทำงาน ขึ้นกับแต่ละสถานที่ ที่ใช้ทุนแตกต่างกันไป ที่สำคัญคือเกิดจากการขาดแคลนแพทย์ผู้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล บางแห่งมีการขาดแคลนมากเกิดการควบเวร เมื่อเทียบกับภาระงานหรือจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการ ทำให้ต้องทำงานมากกว่าที่ควรเป็น รับผิดชอบเกินกำลัง

ปัญหาดังกล่าวต้องเร่งแก้ไขโดยรัฐบาล ซึ่งต้องมีงบประมาณในการจัดจ้างบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติมจากภายนอก นอกเหนือจากที่ได้รับจัดสรรจากแพทย์จบใหม่ อาจจะมาจากผู้ที่เกษียณราชการ หรือภาคเอกชน เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลที่ดี

นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย ดูแลสุขภาพเพื่อลดความเจ็บป่วยหรือกระจายผู้ป่วยให้เข้าถึง ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข กำลังดำเนินการอยู่

ส่วนปัญหาเรื่องสวัสดิการค่าตอบแทน รวมถึง ภาระหน้าที่และความช่วยเหลือของแพทย์อาวุโสในแต่ละโรงพยาบาล ในการให้คำปรึกษาและช่วยงาน ความเป็นธรรม ในการจัดภาระงาน อาทิ การดูแลคนไข้ นอกเวลาและในวันหยุด ความเสี่ยงของคดีความ และความช่วยเหลือด้านกฎหมายของ รพ. มีความสำคัญในการที่ทำให้แพทย์ใหม่ ปฏิบัติงานและปรับตัวผ่านช่วงเพิ่มพูนทักษะได้ และอยากรับราชการต่อในกระทรวงสาธารณสุข

ขณะเดียวกัน ยังต่อเนื่องไปถึงการให้ทุนในการศึกษาต่อด้วย เพราะแพทย์กว่า 80% ต้องการความก้าวหน้าในสายวิชาชีพ ด้วยการเรียนต่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

1 5

4. คณะกรรมการแพทยสภาในการประชุมครั้งที่ 8/2566 มีมติให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่อเนื่องจากชุดแรกอีกสองชุด ได้แก่

ชุดที่ 1 คณะอนุกรรมการติดตามประสานงานกับแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ปี 2566 เพื่อติดตามปัญหาตั้งแต่เดือนแรกในการปฏิบัติงาน และทำทางด่วน ( fast track ) ในการแก้ไขเร่งด่วนกับ แพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตลอดจนเก็บข้อมูลและวิเคราะห์แนวทางแก้ไขปัญหาป้องกัน และรักษาแพทย์ใช้ทุน ให้อยู่ในระบบได้เรียนรู้และทำงานอย่างมีความสุข โดยมี อุปนายกแพทยสภาคนที่ 2 ศ.คลินิก นพ .วิศิษฎ์ วามวานิชย์ เป็นประธาน

ชุดที่ 2 คณะอนุกรรมการบูรณาการ ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย ราชวิทยาลัย และหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางระบบ การผลิต การศึกษาต่อ และการกระจายแพทย์ ของประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแพทยสภา โดยนายกแพทยสภาเป็นประธาน

เพื่อนำเสนอข้อมูลที่ได้วิเคราะห์เกี่ยวกับ ภาระงาน มาตรฐานและความเหมาะสมให้ จัดระบบแพทยศาสตร์ศึกษาของประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันกฎหมายควบคุมเวลาการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ตามความเหมาะสม เพื่อการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม การทำงานในระบบสุขภาพของประเทศ องค์ประกอบหลักมิใช่มีเพียง แพทย์เท่านั้น ยังมีสภาวิชาชีพอื่น ๆ โดยเฉพาะพยาบาล และบุคลากรอื่น ๆ ซึ่งมีความขาดแคลนมากกว่าแพทย์ ต้องแก้ไขไปในทิศทางเดียวกัน โดยต้องเป็นธรรม ทั้งภาระงาน สวัสดิการ และค่าตอบแทน

แพทยสภาตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะขอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาให้กับ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในเรื่องกำลังคน การกระจายที่จะทำงานให้กับประชาชนต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo