กทม. เตรียมพร้อมเฝ้าระวังการระบาดโรคฝีดาษวานรช่วง “Pride Month” เดือนมิถุนายนนี้ หลัง สธ.พบผู้ป่วยฝีดาษวานรเพิ่ม 21 คน
นพ.สุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และ ดร.พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. เผยถึงมาตรการป้องกัน เตรียมพร้อมเฝ้าระวังการระบาดโรคฝีดาษวานรของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองการสนับสนุนสิทธิเสรีภาพ และความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (Pride Month)
ทั้งนี้ ภายหลังจาก กระทรวงสาธารณสุข รายงานพบผู้ป่วยฝีดาษวานรเพิ่ม 21 คน โดยมีแนวทาง ดังนี้
กรุงเทพมหานคร ได้ใช้แนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับลักษณะอาการ ลักษณะการแพร่เชื้อ รวมถึงวิธีป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคฝีดาษวานร
สำหรับวิธีการ จะประชาสัมพันธ์ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ในศูนย์บริการสาธารณสุข และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงให้ทราบเกี่ยวกับอาการของโรค การป้องกันโรค
วิธีการป้องกันโรค
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งที่ติดมากับผื่นและตุ่มน้ำ
- หมั่นล้างทำความสะอาดจุดสัมผัสในร่างกาย
- งดสัมผัส หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย หรือผู้เข้าข่าย
ข้อควรปฏิบัติเมื่อพบอาการเข้าข่าย
โดโรคนี้ป้องกันได้โดยการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ประชาชนสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีประวัติเสี่ยง ดังนี้
1. มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยฝีดาษวานร
2. ทำความสะอาดห้องหรือใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วยสงสัยหรือ ผู้ป่วยฝีดาษวานรขณะผู้ป่วยมีอาการ
3. เคยดูแลผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยฝีดาษวานรขณะป่วย
หากเข้าข่ายลักษณะดังกล่าว ให้สังเกตภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีอาการ อาทิ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่น หรือ ตุ่มน้ำหรือหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก หรือ บริเวณรอบ ๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก ให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานบริการสุขภาพ หรือ โรงพยาบาล โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงทันที
นอกจากนี้ ได้เตรียมความพร้อมให้ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่ง เฝ้าระวังผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ป่วยที่ใช้บริการคลินิกเฉพาะทาง เช่น คลินิกสุขภาพเพศหลายหลาย กรุงเทพมหานคร (BKK Pride Clinic) หากพบเคสให้รีบวินิจฉัย และกักตัวผู้ป่วย 21 วัน ลงสอบสวนโรคในสถานที่เสี่ยง เฝ้าระวังอาการในบุคคลใกล้ชิด
ขณะนี้วัคซีนป้องกันโรคยังไม่มีในประเทศไทย และในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองการสนับสนุนสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (Pride Month) ยิ่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ด้าน ดร.พญ.เลิศลักษณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกโรงพยาบาลในสังกัด กทม. เฝ้าระวังคนไข้ทั้ง ER (ผู้ป่วยฉุกเฉิน) และ OPD (ผู้ป่วยนอก) รวมถึงโรงพยาบาลที่มีคลินิกเฉพาะทาง เช่น คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คลินิกโรคผิวหนัง
พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายโรงพยาบาลสิรินธร เปิดศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอุบัติใหม่ขึ้น เพื่อเฝ้าติดตามข้อมูล ควบคุม ดูแล สถานการณ์โรคฝีดาษลิงอย่างใกล้ชิด โดยหากพบผู้ป่วยที่อาการต้องสงสัยให้แยกกักตัวและแจ้งให้ผู้บริหารและกระทรวงสาธารณสุขทราบทันที
สำนักการแพทย์ เน้นย้ำขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และหากต้องเดินทางไปยังต่างประเทศที่พบผู้ป่วยฝีดาษวานร ควรระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์พาหะ และหลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศที่มีการระบาด ให้สังเกตอาการ
โรคนี้เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด ไม่ได้ติดง่าย ๆ มาตรการที่ใช้ป้องกันโควิด 19 ยังใช้ป้องกันฝีดาษวานรได้ คือ หากพบมีความผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์ทันที รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention โดยการหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ เว้นระยะห่าง ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย
ส่วนกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและมีคู่นอนหลายคน สามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ที่ คลินิกสุขภาพเพศหลายหลาย กรุงเทพมหานคร (BKK Pride Clinic) ใน รพ.สังกัด กทม. ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่
- โรงพยาบาลกลาง โทร.02-2208000 ต่อ 10350
- โรงพยาบาลตากสิน โทร.02-4370123 ต่อ 1136, 1140
- โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โทร.02-2897890
- โรงพยาบาลราชพิพัฒน์โทร.02 102 4222 หรือ 02 421 2222
- โรงพยาบาลสิรินธร โทร. 02-3286900-15 ต่อ 10268, 10269
กรณีสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาด้านสุขภาพ โทร. 1646 สายด่วนสุขภาพสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร บริการตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ปิดการจราจร ‘ถนนพระราม 1’ ขาออก ‘โลตัส-เซ็นทรัลเวิลด์’ 4 มิ.ย. มีขบวนพาเหรด Pride Parade 2023 เช็กเลย!
- กทม. เปิด ‘Pride Clinic’ ให้คำปรึกษากลุ่ม LGBTQ+ 11 แห่ง ทั้งในรพ.และคลินิก
- สธ. เฝ้าระวัง ‘ฝีดาษลิง’ ช่วง ‘Pride month’ แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เผยพบติดเชื้อเพิ่ม 21 รายในช่วงเดือน พ.ค.