สธ.เตรียมขยับเกณฑ์ความหวาน สัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” จาก 6% เหลือ 5% ลดคนไทยติดหวาน
นายแพทย์เธียรชัย สุวรรณเพ็ญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดงานมหกรรม “ประเทศไทย หวานแค่ไหนพอ” ณ กระทรวงสาธารณสุข ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายลดการบริโภคอาหารหวาน มัน เค็มของคนไทย โดยเฉพาะพฤติกรรมการติดหวานให้น้อยลง
ซึ่งที่ผ่านมา ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศนโยบาย “หวานน้อยสั่งได้” และมอบให้กรมอนามัยขับเคลื่อน เพื่อลดปริมาณความหวานของร้านเครื่องดื่มชงลงเหลือ 5% ส่งผลให้ในขณะนี้มีภาคธุรกิจแฟรนไชส์เครื่องดื่มรายใหญ่เข้าร่วมนโยบาย “หวานน้อยสั่งได้”จำนวน 27 แบรนด์ รวมทั้งร้านค้าที่เป็น Local brand ทั่วประเทศ อีกจำนวน 2,355 ร้าน
เกณฑ์การรับรองสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ”
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทในการกำกับ ดูแล และส่งเสริมให้มีอาหารมีคุณภาพ ความปลอดภัย มีคุณค่าและสมประโยชน์เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย ได้มีการดำเนินงานเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงของการเกิดโรค NCDs ด้วยการสนับสนุนส่งเสริมการบริโภคอาหารที่ได้รับการรับรองสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ”
ปัจจุบันมีเกณฑ์การรับรองสัญลักษณ์ทางเลือก สุขภาพ จำนวน 14 กลุ่มอาหาร และจำนวนผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้รับการรับรองสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือก สุขภาพมีจำนวน 2,749 ผลิตภัณฑ์ จาก 444 บริษัท
ปรับเกณฑ์ความหวาน จาก 6% เป็น 5%
ทางด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย ได้จัดงานมหกรรม “ประเทศไทย หวานแค่ไหนพอ” ขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมปรับเกณฑ์ความหวานของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของประเทศไทยให้เป็นเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน
โดยปรับลดเกณฑ์ความหวานของการรับรองสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพจาก 6% ให้เป็น 5% เท่ากับหวานน้อยสั่งได้ เพื่อให้ผู้ประกอบการเตรียมพร้อมในการปรับตัว รวมถึงประชาชนก็จะได้ทราบถึงเกณฑ์ความหวานที่ดีต่อสุขภาพของตนเอง
ปัจจุบันคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งสาเหตุเกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การบริโภคอาหาร การปฏิบัติตน การออกกำลังกาย เป็นต้น
คนไทยบริโภคน้ำตาล 2.6 ล้านตันต่อปี
และจากข้อมูลด้านพฤติกรรมการบริโภคอาหารของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2560–2562 พบว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลทราย 2.5–2.6 ล้านตันต่อปี และ ปี 2562 คนไทยดื่มเครื่องดื่มผสมน้ำตาลเฉลี่ย 3 แก้วต่อวัน ซึ่งจากข้อมูลสถานการณ์ดังกล่าว เป็นพฤติกรรมการบริโภคที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน
นอกจากนี้ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของประเทศ ทั้งจำนวนการเสียชีวิตและภาระโรคโดยรวม
โดยสถานการณ์ประเทศไทยปี 2559-2563 พบว่า มีอัตราการเสียชีวิต เนื่องมาจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นสาเหตุการตาย 3 อันดับแรก ได้แก่ โรคมะเร็งทุกประเภท โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจขาดเลือด คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตเท่ากับ 123.3 47.1 และ 31.8 ต่อประชากรแสนคน
ซึ่งสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีความหวาน ความมัน และความเค็มมากเกินเกณฑ์ขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เริ่ม 1 เม.ย.นี้ กรมสรรพสามิต เตรียมเก็บ ‘ภาษีความหวาน’ พร้อมปรับขึ้นอัตราก้าวหน้าทุก 2 ปี
- กรมอนามัย แนะ 10 เคล็ดลับ ช่วย ‘ผู้สูงอายุ’ นอนหลับ เพื่อสุขภาพที่ดี
- เผย คนไทยเป็น ‘โรคไตเรื้อรัง’ กว่า 11 ล้านคน แต่มีผู้ป่วยไม่ถึง 2% ที่รู้ตัวว่าป่วย