สปสช. แจงข้อมูลระบบการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง สิทธิบัตรทอง ย้ำผู้ป่วยเลือกไปรักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ที่มีความพร้อม ชี้ข้อมูลในโลกโซเชียลที่บอกว่าเลือกโรงพยาบาลไม่ได้ไม่เป็นความจริง
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการแชร์ข้อความจากกลุ่มเฟซบุ๊กของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ระบุว่า ผู้ป่วยที่ใช้สิทธิบัตรทองและประกันสังคม ข้อไม่ดีคือ ไม่มีอิสรภาพในการเลือกว่าจะไปรักษาที่ไหนได้บ้าง ทุกอย่างจะถูกกำหนดโดยโรงพยาบาลต้นสังกัดตามระบบ รวมทั้งยังแนะนำให้ทำประกันสุขภาพตามวงเงินที่ตัวเองสะดวกจะจ่ายเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่าย ค่ายาบางอย่างที่เบิกไม่ได้ นั้น
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า จากการตรวจสอบไม่พบว่าข้อความดังกล่าวถูกโพสต์เมื่อใด เป็นไปได้ว่าอาจเป็นข้อความที่โพสต์ไว้นานแล้ว ซึ่งในอดีตมีการวางระบบไว้เช่นนั้นจริง แต่ตั้งแต่ มกราคม 2564 หรือกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ระบบบัตรทองได้มีการปรับรูปแบบการรักษาโรคมะเร็งใหม่ตามนโยบายโรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม หรือ Cancer Anywhere ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นโยบายใหม่ดังกล่าว เปิดให้ผู้ป่วยมะเร็ง สิทธิบัตรทอง สามารถเข้ารับบริการรักษาในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาโรคมะเร็งแห่งใดก็ได้ในระบบ สปสช. ที่มีความพร้อมในการให้บริการ ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็ง การรักษาด้วยเคมีบำบัดและรังสีรักษา การรักษาด้วยภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคมะเร็งและจากการรักษา รวมถึงการตรวจติดตามผลการรักษา โดยไม่ต้องใช้หนังสือส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นทางที่ผู้ป่วยได้ลงทะเบียนไว้
การปรับระบบดังกล่าว ก็เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้รวดเร็วขึ้น รักษาใกล้บ้านหรือหน่วยบริการที่ผู้ป่วยสะดวก ไม่ต้องรอคิวรักษานานจนอาการลุกลามหนัก ยกตัวอย่างเช่น เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาล A พบว่าเป็นมะเร็ง แต่โรงพยาบาลนั้นไม่มีอุปกรณ์จำเป็นบางอย่าง อาทิ เครื่องฉายรังสีรักษา ซึ่งหากจะส่งต่อตามระบบจะต้องส่งไปฉายรังสีที่โรงพยาบาล B
แต่เนื่องจากโรงพยาบาล B มีผู้ป่วยเข้ารับบริการจำนวนมาก หากไปรับบริการอาจต้องรอคิวนาน แพทย์และผู้ป่วยสามารถตัดสินใจร่วมกันว่าจะเลือกรับบริการรักษาต่อที่ใด เช่น อาจไปรับบริการที่โรงพยาบาล C ซึ่งไม่ใช่โรงพยาบาลรับส่งต่อของผู้ป่วย แต่มีผู้ไปรับบริการน้อยกว่า ทำให้รอคิวสั้นกว่า เป็นต้น
เช่นเดียวกับประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย ที่โพสต์ดังกล่าวระบุว่า ค่ายาบางอย่างเบิกไม่ได้ ขอชี้แจงว่า สปสช. มีคณะกรรมการและผู้เชี่ยวชาญที่คัดกรองว่า ควรใช้ยาตัวไหนในการรักษา เพื่อเป็นมาตรฐานสำหรับโรคมะเร็ง และมีการจัดทำโปรโตคอลการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ยาที่จำเป็นแต่มีราคาแพงอยู่ในโปรโตคอลการรักษาอยู่แล้ว เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ผู้ป่วยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
กล่าวโดยสรุปคือ ระบบบัตรทองครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมดทั้งค่าตรวจวินิจฉัย ค่ารักษาและค่ายา อย่างไรก็ดี หากผู้ป่วยประสงค์ที่จะทำประกันสุขภาพเสริมด้วย ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้เช่นกัน
ข้อความที่โพสต์ในกลุ่มเฟสบุ๊คนี้ เป็นข้อมูลเก่ามาก และไม่ตรงกับระบบบริการในปัจจุบันซึ่งผู้ป่วยบัตรทองสามารถเลือกโรงพยาบาลไปรักษาได้ และค่าใช้จ่ายก็ครอบคลุมทั้งหมด จึงอยากชี้แจงเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ๆ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สิทธิบัตรทอง’ ต้องรู้ สปสช. เพิ่มบริการสร้างเสริมสุขภาพ 5 รายการ อะไรบ้าง เช็กเลย
- สธ.ร่วม สปสช. เพิ่ม ‘ชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตัวเอง-ไวรัสตับอักเสบ’ สิทธิบัตรทอง เพื่อเข้าถึงการรักษารวดเร็ว
- สปสช. สำรวจความเห็นประชาชน-สถานพยาบาล ทั่วประเทศ หวังปรับปรุงระบบบัตรทองปี 2566