General

‘ลุงป้อม’ ขับเคลื่อน ‘การบริหารจัดการที่ดินของประเทศ’ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ

‘ลุงป้อม’ ขับเคลื่อน ‘การบริหารจัดการที่ดินของประเทศ’ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เน้นแก้ปัญหาที่ดินทำกิน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิต ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ ในวาระ สคทช. ครบรอบ 2 ปี

วันนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2566) ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนาเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจภารกิจและผลการดำเนินงานของ สคทช. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา สคทช. ครบรอบ 2 ปี

ได้มีการจัดสัมมนาและจัดแสดงนิทรรศการ ภายใต้หัวข้อ “สานพลังยกระดับการขับเคลื่อนการบริหารจัดการที่ดิน” พร้อมพิธีมอบโล่ดีเด่นและประกาศเกียรติคุณ แก่ผู้ทำคุณประโยชน์และสนับสนุนการดำเนินงาน คทช. โดยมี ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมด้วย

การบริหารจัดการที่ดิน

จัดสรรที่ดินทำกิน แก้ปัญหาความเดือดร้อน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาว่า สคทช. เป็นองค์กรที่มีภารกิจสำคัญด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ ที่จะบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด มีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุด สมดุล เป็นธรรม และยั่งยืน

และที่สำคัญคือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมให้กับประชาชน เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีสิทธิทำกินและอยู่อาศัย ในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ให้ความมั่นใจในการประกอบอาชีพ สร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิต

ภายใต้การดำเนินการของ คทช. ซึ่งประสบความสำเร็จและก้าวหน้ามาเป็นลำดับ ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายไปแล้ว จำนวน 1,491 พื้นที่ เนื้อที่ประมาณ 5.7 ล้านไร่ ครอบคลุม 70 จังหวัด และสามารถจัดคนเข้าใช้ประโยชน์ให้ได้มีที่อยู่อาศัย มีที่ดินทำกินในการเลี้ยงชีพได้แล้ว จำนวน 78,109 ราย

การบริหารจัดการที่ดิน

นโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการ

ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนนโยบายของ คทช. ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จะเห็นว่ายังมีเรื่องสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการ พัฒนา และยกระดับการทำงานอีกเป็นจำนวนมาก อันได้แก่

  • การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 หรือ One Map โดยแบ่งพื้นที่ทั่วประเทศ ออกเป็น 7 กลุ่ม กลุ่มละ 11 จังหวัด ปัจจุบัน คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว ๒ กลุ่มจังหวัด จำนวน 22 จังหวัด และกลุ่มที่ 3 อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรี โดยตั้งเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนเร่งรัด การดำเนินงานดังกล่าว ให้ครบถ้วนทุกจังหวัดทั่วประเทศภายในปี 2567
  • การขับเคลื่อนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการปฏิบัติงานเป็นศูนย์กลางข้อมูลที่ดินและทรัพยากรดินแบบบูรณาการ โดยการจัดทำข้อมูลและจัดทำบัญชีข้อมูลที่ดินและทรัพยากรดินอย่างเป็นระบบ สามารถช่วยสืบค้น เข้าถึง เชื่อมโยงข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างเครือข่ายข้อมูล รวมทั้ง การนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐ หรือ One Map เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการที่ดิน
  • การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐหรือการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเรื่องแนวเขตที่ดินระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน โดยการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ดินของรัฐ
  • การสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน เพื่อช่วยให้เกษตรกรและผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินจากหน่วยงานรัฐ สามารถนำเอกสารหรือสมุดประจำตัว ไปใช้เป็นหลักประกันการเข้าถึงแหล่งทุนสำหรับการประกอบอาชีพ เพื่อยกระดับรายได้ สามารถพึ่งพาตนเอง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ประสบความสำเร็จ และเพื่อให้การดำเนินงานของทุกภาคส่วน มุ่งสู่การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินอย่างสมดุล และยั่งยืนในอนาคต

การบริหารจัดการที่ดิน

เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน

รัฐบาลได้กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. 2566 – 2580) เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางนโยบาย ระยะ 15 ปี ที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ ตลอดจนถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ อีกด้วย

พลเอก ประวิตร กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอขอบคุณทุกส่วนราชการที่ได้มีส่วนขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญ ร่วมกันของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา และขอเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วนร่วมกันมุ่งมั่น ขับเคลื่อน และเดินหน้าการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ ในระยะต่อไปอย่างมีเอกภาพและยั่งยืน

โดยให้ยึดหลักการใช้ข้อเท็จจริงที่รอบด้าน และหลักการการเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ แต่ให้สามารถเข้าใช้ประโยชน์ได้ในการแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและผลกระทบในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนคนไทยทุกคน

การบริหารจัดการที่ดิน

บริหารจัดการที่ดิน ประชาชนอยู่กินยั่งยืน

ทางด้าน ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ กล่าวว่า วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ของทุกปี นับเป็นวันสำคัญของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2564 โดยรับผิดชอบการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

การบริหารจัดการที่ดิน

ด้วยเหตุนี้ การจัดงานสัมมนาในวันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงาน และทิศทางการขับเคลื่อนผลการดำเนินงานในอนาคตของ สคทช. ต่อสาธารณะ ก่อให้เกิดการรับรู้และความเข้าใจในวงกว้าง เกี่ยวกับภารกิจด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งมีภารกิจสำคัญในการสานพลังความร่วมมือ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการที่ดินให้สัมฤทธิ์ผล เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหัวใจของการทำงาน ภายใต้แนวคิด “บริหารจัดการที่ดิน ประชาชนอยู่กินยั่งยืน”

ซึ่งในปี 2566 นี้ สคทช. มุ่งเดินหน้าขับเคลื่อนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ผ่านการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและการประยุกต์เทคโนโลยีในการบริหารจัดการที่ดิน รวมถึงการพิสูจน์สิทธิ การพัฒนานโยบายและการประสานความร่วมมืออย่างบูรณาการเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินที่รัฐจัดให้ประชาชน ตลอดจนเร่งรัดการจัดทำแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ มาตราส่วน 1 : 4000 หรือ One map

การบริหารจัดการที่ดิน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo