“รมช.เกษตร” มอบนโยบายกรมฝนหลวงฯ 8 ด้าน มุ่งเสริมศักยภาพหน่วยงาน พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอย่างทั่วถึง และบรรเทาภัยพิบัติทางธรรมชาติ
นายสุนทร ปานแสงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร โดยมีนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เข้าร่วม
นายสุนทร กล่าวว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่สำคัญ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีภารกิจเฉพาะด้านในการปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่การเกษตร พื้นที่ป่าไม้และเขื่อนเก็บกักน้ำ
ทั้งนี้ เป็นการช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และประสบปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติด้านต่าง ๆ เช่น ปัญหาหมอกควันไฟป่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นต้น ตลอดจนการบรรเทาความรุนแรงของพายุลูกเห็บอีกด้วย
มอบนโยบายกรมฝนหลวงฯ 8 ด้าน
1. การต่อยอดตำราฝนหลวงพระราชทาน โดยการกำหนดยุทธศาสตร์เป้าหมายงานวิจัย เพิ่มศักยภาพงานวิจัย เพื่อการพัฒนาต่อยอดวิธีการหรือเทคนิคทำฝนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น การวิจัยเพื่อเพิ่มสูตรหรือปรับสูตรสารฝนหลวง การวิจัยปรับวิธีการทำฝนหรือดัดแปรสภาพอากาศ รวมถึงการศึกษาวิจัยเพื่อนำไปใช้ในกระบวนงานสนับสนุน เช่น วิจัยเพื่อลดการใช้กำลังคนในการบดโปรย เป็นต้น
2. การปฏิบัติการฝนหลวง หรือการทำฝนหลวง ให้ประชาชนเห็นผลแบบประทับใจ หมายถึง การระดมทรัพยากรทำฝนในพื้นที่เป้าหมาย ให้เพียงพอในเชิงปริมาณน้ำ ให้มีความชุ่มชื้นเพียงพอภายในระยะเวลาอันสั้น เพื่อที่จะย้ายไปดำเนินการพื้นที่เป้าหมายอื่นในแบบเดียวกัน
3. นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพมาใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน เช่น เครื่องบินแบบใหม่ที่เหมาะสม การนำอากาศยานไร้นักบินมาใช้ในการทำฝน การตรวจสภาพอากาศ ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนได้ การคิดค้นวิธีการโปรยสารแบบอัตโนมัติแทนใช้คนโปรย ปรับเครื่องมือและวิธีการบดสารฝนหลวง เป็นต้น
4. สารฝนหลวง ควรมีการปรับวิธีการจัดเก็บสารฝนหลวง ให้คงสภาพคงคุณสมบัติได้นานที่สุด เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน
5. การใช้เครื่องบินให้เกิดประโยชน์ และคุ้มค่ามากที่สุด
6. ขยายเครือข่ายอาสาฝนหลวง ขยายการรับรู้ การมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงาน และเกษตรกรให้ได้มากที่สุด
7. ให้ความสำคัญด้านการบริหารงานบุคคล ควรมีการวิเคราะห์ และทำแผนปรับปรุงโครงสร้าง/กรอบอัตรากำลังให้เหมาะสม
8. ให้ความสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐานอาคาร เช่น โรงเก็บและซ่อมเครื่องบิน โรงเก็บสาร สนามบินบ้านพัก และครุภัณฑ์ที่จำเป็น เพื่อความคล่องตัวในการบริหาร การปฏิบัติการ และยกระดับคุณภาพชีวิตของข้าราชการ ต้องมีการจัดทำแผนระยะสั้นระยะยาว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พร้อมแล้ว ปฏิบัติการ ‘ฝนหลวง’ ปี 2565 ตั้ง 10 หน่วยสู้ภัยแล้ง-PM 2.5
- ‘ปตท.’ สนับสนุน ‘น้ำแข็งแห้ง’ ทำ ‘ฝนหลวง’ ช่วยผู้ประสบภัยแล้งทั่วประเทศ
- ‘เฉลิมชัย’ สั่งเตรียมพร้อมขึ้นบินทำ ‘ฝนหลวง’ สู้ฝุ่นพิษ PM2.5