COVID-19

โควิดจีน กำลังพ่ายแพ้ต่อโอไมครอน ‘ดร.สันต์’ ชี้ทาง 2 แพร่งที่รัฐบาลจีนต้องเลือก

“ดร.สันต์”วิเคราะห์สถานการณ์โควิดจีน กำลังพ่ายแพ้ต่อโอไมครอน จับตารัฐบาลจีนเลือกทางไหน ระหว่าง ปิดให้สนิท หรือ เปิดแล้วยอมรับความตาย

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท กรีนเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Sunt Srianthumrong เรื่อง เมื่อจีนกำลังพ่ายแพ้ต่อโอไมครอน ทาง 2 แพร่งที่รัฐบาลจีนต้องเลือก โดยที่ไม่มีทางไหนดีเลย Lockdown หรือ Exit Wave

โควิดจีน

สถานการณ์โควิดจีนเมื่อวานนี้ ผู้ติดเชื้อในจีนทำสถิติใหม่ 32,695 คน สูงกว่าการระบาดของโอไมครอนรอบเมษายนไปแล้ว และรอบนี้น่าจะบานปลายเพราะ

1. เชื้อติดง่ายขึ้น

2. ผ่อนคลายมาตรการไปมาก

3. คนเหนื่อยล้าและต่อต้านการ Lockdown อย่างหนัก เพราะมัน 3 ปีแล้ว

สำรวจทางเลือก 2 ทางของรัฐบาลจีนในตอนนี้ ไม่มีทางเลือกที่ 3

ทางเลือกที่ 1: Lockdown อย่างเข้มงวดอีกครั้ง

ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

1. ประเทศจีนจะหยุดชะงักในวงกว้าง 2-3 เดือน

2. คนจีนไม่ได้ฉลองปีใหม่

3. กระแส Out of China จะยิ่งรุนแรงขึ้น

4. ประชาชนโกรธแค้น

5. สถานการณ์วนลูปกลับไปที่เดิม ไม่สามารถเปิดประเทศได้

6. ต้องปิดประเทศต่อไป และกระทบกับสถานะของจีนในเวทีโลก

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง
ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง

ข้อดี

1. รักษาชีวิตประชาชนไว้ได้หลายล้านคน

2. ไม่ต้องผ่านหายนะทางชีวิตและเศรษฐกิจในช่วง Exit Wave ซึ่งจะหนักมาก ดังจะกล่าวต่อไป

จุดอ่อนสำคัญของจีน คือ วัคซีน

1. เพิ่งฉีดวัคซีนไปโดยเฉลี่ย 2.36 โดส ต่อประชากร 1 คน มี Booster น้อยเกินไป และฉีดเข็ม 2 กันไปแล้วตั้งแต่ก่อนเมษายน

2. ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นวัคซีนเชื้อตาย

3. จากสถิติของฮ่องกง อัตราการตายจากวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มกับโอไมครอน อยู่ ที่ 0.3-0.5% สูงกว่า mRNA ที่ Booster 3,4,5 แล้วประมาณ 10 เท่า เช่นของไทย มีอัตราการตายเพียง 0.035%

4. คนจีนตั้งแต่รัฐบาล วงการแพทย์ ยันประชาชน ต่อต้านวัคซีน mRNA

5. จีนยังผลิตวัคซีน mRNA เองไม่ได้ และไม่ต้องการพึ่ง EU หรือว่า US

ทางเลือกที่ 2: ไม่ Lockdown และเผชิญหน้ากับ Exit Wave

ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

1. Exit Wave จะมีขนาดใหญ่มาก เหมือนทุกประเทศ คือ 70-90% ของประชากร สำหรับจีนคือ ต้องมีคนติดเชื้อ 1,000-1,200 ล้านคนจึงจะจบ

2. Exit Wave จะกินระยะเวลายาวนาน 4-8 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าจะปล่อยอิสระหรือจำกัดการระบาดมากน้อยแค่ไหน

3. จะมีคนตาย 5-7ล้านคน ถ้านับมาครบ และถึงแม้จะเปลี่ยนมาใช้ mRNA และ Booster เพียงพอ ก็จะมีคนตายประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งก็ถือว่าจะยังดีกว่าสหรัฐมาก

4. จะมีคนติดเชื้อวันละ 5 ล้านคน

5. จะมีคนตายวันละ 25,000 คน ถ้านับมาครบ

6. ระบบสาธารณสุขจะล่มสลาย

7. ศพจะเก็บไม่ทัน

8. เศรษฐกิจจะพังพินาศย่อยยับในช่วง Exit Wave

9. จากข้อ 8 GDP ปี 2023 ของจีนในช่วง Q1-Q2 อาจจะโตติดลบ แต่จะฟื้นในช่วง Q3-Q4 แล้วจึงก้าวกระโดดในปี 2023

10. ประชาชนจะโกรธแค้นอย่างมาก ก่อนจะค่อย ๆ ลืมเหมือนประเทศอื่น ๆ

11. ต่างชาติจะเห็นความทุลักทุเลของจีน ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นภาพที่ทุกชาติก็เคยโดนกันมาทั้งนั้น

12. ภาวะผู้นำของท่านสี จิ้นผิง จะสั่นคลอน ในช่วง 4-8 เดือน

shutterstock 2083074559

ข้อดี

1. เมื่อจบ Exit Wave แล้วคือจบเลย ในระดับเดียวกับประเทศอื่น ๆ

2. เปิดประเทศได้

3. สถานะของจีนในเวทีโลกจะกลับมา และสถานะของท่านสี จิ้นผิงจะกลับมาแข็งแกร่ง ขึ้นอีก

ผมไม่ทราบจริง ๆ ว่ารัฐบาลจีนจะเลือกทางไหน แต่ตอนนี้ต้องเลือกแล้ว เพราะสถานการณ์การระบาดกำลังบานปลาย สำหรับโควิดจีน โดยเฉพาะโอไมครอน มันไม่มีตรงกลาง ทุกประเทศที่เคยคิดว่าจะคุมให้พออยู่ได้ ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ มีทางเลือกเพียงแค่ ปิดให้สนิท หรือ เปิดแล้วยอมรับความตาย

รัฐบาลจีนรู้เรื่องเหล่านี้ดีมาก รู้ทุกตัวเลข และก่อนหน้านี้ทางเลือกที่ 2 ไม่ใช่ทางเลือก จนกว่าการเลือกประธานาธิบดี ให้เป็นท่านสี จิ้นผิง เป็นวาระที่ 3 จะผ่านลุล่วงไปเสียก่อน ซึ่งเมื่อผ่านมาแล้ว ก็จึงสามารถเป็นไปได้ที่รัฐบาลจีนจะเลือกได้ทั้ง 2 ทาง

แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจจีนมีปัญหาแน่นอน Supply Chain มีปัญหาแน่นอน คนจีนไม่ได้ฉลองปีใหม่แน่นอน

สิ่งที่จะแตกต่างก็คือ หลังจากนั้น 2566 Q3-Q4 ถ้าเป็นทางเลือกที่ 2 จีนจะกลับมาอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวก็จะกลับมา แต่ถ้าเป็นทางเลือกที่ 1 ก็จะวนวูปกันต่อไปอีกยาวนานครับ ซึ่งก็ต้องเตรียมตั้งรับกันทั้ง 2 แบบ

โดยเฉพาะคนไทยในประเทศจีนซึ่งมีจำนวนมาก น่าะต้องเตรียมตั้งรับทั้งเรื่อง อาหาร วัคซีน Booster และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับทั้ง 2 ทางเลือก ซึ่งก็น่าจะหนักทั้งคู่ครับ

หลายประเทศที่เรียกร้องกดดันให้จีนเปิดประเทศและผ่อนคลาย นั่นเท่ากับว่า ร้องขอให้มีการสละ 5 ล้านชีวิต ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการกดดันแบบนั้น ทุกอย่างต้องให้เกียรติและเคารพกับการตัดสินใจของรัฐบาลจีน เศรษฐกิจก็สำคัญ ชีวิตคนก็สำคัญ ความอยู่รอดของประเทศชาติก็สำคัญ เป็นการตัดสินใจที่ยากอย่างยิ่งครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo