COVID-19

พบ ‘ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป’ ช่วยผู้ป่วยโควิดอายุ 105 ปี หายจากโรค

กรมควบคุมโรคเผย พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 อายุ 105 ปี ประวัติไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แพทย์ให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) อาการดีขึ้นตามลำดับ ใช้เวลารักษาน้อยกว่า 2 สัปดาห์

จากการที่ประเทศไทยได้จัดหาภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปหรือ Long Acting Antibody (LAAB) ให้ประชาชนกลุ่มที่มีความจำเป็นนับเป็นการยกระดับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 เพื่อดูแล ป้องกันสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำ ร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน กลุ่มเสี่ยง 608 เช่น ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้รับการฟอกไต ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะหรือไขกระดูกที่ได้รับยากดภูมิ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องนั้น

ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป

วันนี้ (18 ก.ย.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดี กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 อายุ 105 ปี และยังไม่เคยฉีดวัคซีนโควิด-19 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยมีอาการไข้สูง มีเสมหะ ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ และต่อมามีปอดติดเชื้อแบคทีเรีย

ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสในวันแรก แต่เนื่องจากมีอายุมากเสี่ยงต่อการเสียชีวิต แพทย์จึงพิจารณาให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปหรือ LAAB แก่ผู้ป่วยในวันที่ 4  กันยายน ร่วมกับยาปฏิชีวนะ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน อาการผู้ป่วยค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ อาการปอดติดเชื้อน้อยลง ไข้ลง ค่าออกซิเจนในเลือดกลับมาปกติ

ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ในวันที่ 14 กันยายน รวมระยะเวลาที่ใช้รักษาน้อยกว่า 2 สัปดาห์  สะท้อนให้เห็นว่า การให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปหรือ LAAB น่าจะมีผลดีในการรักษาผู้ป่วยสูงอายุกลุ่มเสี่ยงที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยังเน้นย้ำแนะนำให้ผู้สูงอายุทุกคน เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดโดยเร็วก่อนจะเกิดการติดเชื้อ

ทั้งนี้ การป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 สามารถปฏิบัติได้ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ขั้นสูงสุด 2U ได้แก่

  • Universal Prevention ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัด
  • Universal Vaccination คือ การฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ และผู้ดูแลใกล้ชิดผู้ป่วย ควรมารับเข็มกระตุ้น เมื่อรับเข็มสุดท้ายแล้วอย่างน้อย 4 เดือนขึ้นไป เพราะภูมิคุ้มกันจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป หากติดเชื้อจะป่วยหนักได้
ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค

ทั้งนี้ การทำงานของภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ LAAB จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในผู้ที่ตอบสนองต่อวัคซีนได้น้อยกว่าคนทั่วไป เมื่อฉีดเข้าไปแล้วร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิดได้สูงทันทีภายหลังฉีด ทำให้เกิดประโยชน์อย่างมาก ในการลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว

ในต่างประเทศมีการขึ้นทะเบียนใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป LAAB ในการรักษาผู้ป่วยโควิดกลุ่มเปราะบางที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วย เช่น สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น

ส่วนประเทศไทย นำเข้าภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป LAAB และฉีดครั้งแรกให้กับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้รับการฟอกไต ที่สถาบันบำราศนราดูร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา และส่งไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม

กลุ่มเป้าหมายระยะแรก คือ ผู้ป่วยไตวายระยะเรื้อรัง ที่ต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต (ฟอกไต) ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยปลูกถ่ายไขกระดูก โดยสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับการพิจารณาในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิดด้วย LAAB หรือสามารถติดต่อเข้ารับการฉีดได้ที่สถานพยาบาล

พร้อมกันนี้ สธ.ได้มอบนโยบายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด สำรวจจำนวนผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ ในสถานพยาบาลทุกสังกัด เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับภูมิคุ้มกันจาก LAAB อย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ สธ.กำลังพิจารณาเพิ่มกลุ่มเป้าหมายที่จำเป็นต้องได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด และฉายแสง, ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะที่ต้องได้รับยากดภูมิขนาดสูง, ผู้ป่วยโรคข้อที่ต้องรักษาด้วยยากดภูมิ และผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำโรคอื่น ๆ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo