“หมอนิธิพัฒน์” บอกข่าวดี นักวิทยาศาสตร์เร่งพัฒนาการนำนาโนเทคโนโลยี ผลิตวัคซีน รับมือการกลายพันธุ์ใหม่ๆ ของไวรัสโควิด-19
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล ชวนรอข่าวดี การพัฒนาวัคซีนไวรัวด้วยเทคโนโลยีนาโน สู้ไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ ๆ โดยระบุว่า
ผู้ป่วยอาการรุนแรงวันนี้ลงต่ำกว่า 900 ติดต่อกันเป็นวันที่สี่แล้ว รอลุ้นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายสัปดาห์ย้อนหลังในวันพรุ่งนี้ ว่าจะลงไปต่ำกว่าสองแสนได้หรือไม่
คงไม่น่ามีข้อสงสัยกันแล้วว่า วัคซีนเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้มนุษยชาติก้าวข้ามวิกฤตการณ์โควิดไปได้ ตราบใดที่ยังไม่มีการกลายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่แหวกภูมิเดิมอยู่เรื่อย ๆ และไม่มีโคโรนาไวรัสอื่นที่มนุษย์ไปเอามาจากการรุกรานสัตว์อื่นที่อยู่ร่วมโลก
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ กำลังมองหาช่องทางนำนาโนเทคโนโลยี มาใช้ผลิตวัคซีนที่สามารถจดจำส่วนสำคัญ ๆ ของโคโรนาไวรัสให้ได้มากที่สุด (coronavirus spike protein called the receptor binding domain or RBD) เพื่อกลบจุดอ่อนสองด้านตามที่กล่าวมาแล้ว และสามารถรับมือกับการกลายพันธุ์เล็กน้อยไปจนถึงมากมายได้ โดยไม่ด้อยค่าประสิทธิภาพของวัคซีนโดยรวม
ทีมนักวิจัยจากอเมริกา ทำการรวม RBDs ของโคโรนาไวรัส 8 กลุ่ม (mosaic-8) โดยใช้ nanoparticle ที่แต่ละหน่วยย่อยบรรจุได้ถึง 60 RBDs เพื่อกระตุ้นบีเซลล์ของมนุษย์ให้สร้างภูมิคุ้มกันที่หลากหลาย จนสามารถรับมือได้กับศัตรู ไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม ขณะนี้มีความคืบหน้าการดำเนินการในสัตว์ทดลองหลายชนิดไปพอควรแล้ว https://www.nih.gov/…/fighting-current-future…
ในทางสากลการประกาศภาวะฉุกเฉิน (state of emergency) ถูกนำมาใช้ในหลายประเทศทั่วโลก (ดังรูป) สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้จาก https://www.icnl.org/covid19tracker/?issue=5 เพื่อรับมือโควิด-19 ประกอบด้วยมาตรการ ปิดชายแดน ห้ามจับกลุ่มในที่สาธารณะ งดการพิธีกรรมทางศาสนารวมกัน ปิดเรียน และห้ามออกนอกบ้านเป็นบางเวลา
ประเทศไทยเราก็เคยใช้มาครบบ้าง ไม่ครบบ้าง จนปัจจุบันแทบไม่เหลือแล้ว แต่ที่ไม่ค่อยพูดถึงกันของที่มาเบื้องหลังซึ่งสำคัญสุดคือ กลไกรัฐและกระบวนการทางการเมืองปกติไม่สามารถรับมือได้ เพราะประชาชนมีการตอบสนองที่หลากหลาย ไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมได้ทันภัยร้ายที่คุกคามชีวิตเร่งด่วน อีกทั้งไม่สามารถบูรณาการระบบปฏิบัติงานของหน่วยงานรัฐได้คล่องแคล่ว
ข้อหลังนี้ เป็นเพราะบ้านเรามีนักการเมืองฉ้อฉล เข้าไปแทรกแซงข้าราชการประจำ มาตลอดเกือบร้อยปีภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 หวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าและครั้งต่อ ๆ ไปจะช่วยให้การเมืองไทยพัฒนาขึ้น หมดหวังแล้วกับนักการเมืองหน้าเดิม ๆ ของทุกค่ายในปัจจุบัน ที่โลดแล่นแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกลวงเอาผลประโยชน์ชาติเข้าพกเข้าห่อตัวเองไปวัน ๆ
สำหรับผมแล้ว การคง พรก.ฉุกเฉิน ไว้หรือไม่ ไม่ได้สลักสำคัญอะไรนัก ที่ผ่านมา พรก.ฉุกเฉิน ไม่ได้จำกัดสิทธิ์ทางการเมืองใคร เพราะยังมีการประท้วงทางการเมือง และเรื่องปากท้องให้เห็นอยู่ประปราย
พรก.ฉุกเฉินไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เขาตัดสินใจเข้ามาเพราะประเทศมีระบบบริหารจัดการโควิดที่น่าเชื่อถือ ที่เป็นผลทางอ้อมจากพรก.ฉุกเฉินเสียมากกว่า
การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างฝ่ายกุมอำนาจรัฐ และฝ่ายยื้ออำนาจรัฐ ก็ไม่เห็นถูกจำกัดเพราะ พรก.ฉุกเฉิน แถมมีการผสมพันธุ์ความโลภแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันเกลื่อนกล่น
สรุปความแล้ว พรก.ฉุกเฉิน สำหรับผมมีดีสองประการ
1. ทำให้หน่วยราชการทำงานร่วมกันได้ราบรื่นขึ้น แทนการแย่งกันเป็นใหญ่
2. ปกป้องข้าราชการที่ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน จากการแทรกแซงของนักการเมือง
คงพอตอบกันในใจได้แล้วว่า เราควรคง พรก.ฉุกเฉิน เพื่อบริหารสถานการณ์โควิดให้มีประสิทธิภาพไปอีกนานแค่ไหนดี
ระหว่างนี้โปรดรอการเผยแพร่คลิปเรื่องเล่าโควิดระลอก 3-5 ซึ่งถ่ายทำลุล่วงไปแล้ว ด้วยงบประมาณที่จำกัดและอุปกรณ์ที่จำเขี่ย (ซีซั่นก่อนมีสปอนเซอร์ทุนหนา งวดนี้กระเป๋าเหี่ยวทั่วหน้า ไม่ต่างจากรัฐบาล ต้องบีบคอลูกน้องให้ถ่ายทำแบบการกุศล)
บ่ายนี้อย่าลืมเชียร์นักตบลูกยางสาวชุดบุพเพสันนิวาส 2 แก้แค้นสาวชุดกิโมโน ถึงแม้จะไม่ใช่ชุดใหญ่ของเขาก็ตาม แต่คงช่วยเตรียมทีมได้ดีเพื่อรอชิงแชมป์โลกเดือนหน้า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เศร้าใจ!! ตั้งแต่ต้นปี ผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง เสียชีวิตจากโควิดนับหมื่น ‘หมอนิธิพัฒน์’ วอนฉีดเข็มกระตุ้น
- ‘หมอนิธิพัฒน์’ ฝากข้อคิด การใช้ชีวิตหลังยุคโควิด เปลี่ยนผ่านสู่โรคประจำถิ่น
- ‘หมอนิธิพัฒน์’ เชื่อวันหยุดยาว ยอดโควิดไม่พุ่ง คนกรุงเกิดภูมิคุ้มกันหมู่โอไมครอน
