COVID-19

โควิดพุ่งใกล้ทะลุแนวต้าน 5 หมื่น ‘หมอนิธิพัฒน์’ เตือนพื้นที่คุมเชื้อไฟก่อนปะทุ

“หมอนิธิพัฒน์” ยกตัวอย่างขอนแก่น เอาจริงคุมโควิด ชี้ผู้ติดเชื้อ อาการหนัก แนะแต่ละพื้นที่งัดมาตรการคุมเข้ม ก่อนเชื้อไฟปะทุ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล เตือนคุมเข้มโควิด หลังตัวเลขเกือบทะลุแนวต้านทุกตัว โดยระบุว่า

หมอนิธิพัฒน์

ยอดรวมวันนี้ใกล้ทะลุแนวต้านห้าหมื่นแล้ว ที่จริงยังมีคนตรวจ ATK แล้วไม่ได้รายงานเข้าระบบอีกส่วนหนึ่งไม่รู้เท่าไร ส่วนผู้ป่วยอาการรุนแรงและใส่เครื่องช่วยหายใจ ใกล้ทะลุแนวต้านที่ 1,000 และ 300 แล้วตามลำดับ

การยกระดับมาตรการในภาพรวมทั้งประเทศยังอาจไม่จำเป็น แต่การยกระดับมาตรการกันเองในพื้นที่ เพราะศักยภาพการดูแลในโรงพยาบาลหลักเริ่มล้นเกิน เป็นเรื่องที่สมควรเร่งดำเนินการ เพื่อคุมเข้มเชื้อไฟที่ประทุก่อนจะไหม้ลามทุ่ง

ดังเช่นคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น ประกาศงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในพื้นที่สีฟ้าของจังหวัดเป็นเวลา 14 วัน รวมถึงคุมเข้มกิจกรรมเสี่ยงอื่น ๆ เป็นเรื่องที่ต้องชื่นชม

เมื่อพบว่าเป็นต้นตอการระบาดสำคัญก็ต้องตัดไฟแต่ต้นลม และเมื่อซาไปก็ค่อยผ่อนผันอีกรอบ แต่เมื่อกลับมาใหม่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องช่วยควบคุมไม่ให้มีการละเมิดมาตรการที่มีเดิมอยู่แล้ว

ขอนแก่น 1

หวังว่าจะเห็นแบบอย่างเช่นนี้อีกโดยเฉพาะในเมืองหลวงต้นตอการระบาด ส่วนการเปิดรับคนจากต่างประเทศไม่ใช่ปัจจัยการระบาดหลักในขณะนี้ จึงสมควรเดินหน้าผ่อนผันต่อได้

‘หมอนิธิพัฒน์’ ลั่น มากหมอมากความ

โบราณท่านว่า มากหมอมากความ คงจะจริง วานซืนรองโฆษกศบค. ต้องออกมาเตือนผ่านสื่อ ปรามนักวิขาการอย่าทำให้ประชาชนไขว้เขว แต่ไม่รู้จะไปถึงบุคคลที่ต้องการสื่อแค่ไหน

หากดูในบันทึกประวัติศาสตร์หรือหนังสืออิทย์ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วไปของสังคม ต้องเป็นผู้นำในการประสานความเห็นต่างนี้ไปในทิศทางที่ไม่ทำให้สังคมสับสน

โควิดนักวิชาการ

เอ๊ะ…ชักไม่แน่ใจความเห็นตัวเองเสียแล้วที่เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะเรื่องเกี่ยวกับโควิด ว่าจะอยู่ฝั่ง “เกินบาท” หรือ ”ไม่เต็มบาท” กันแน่

ในประเทศอเมริกาเอง ไม่แปลกใจที่เสรีกันจนประชาชนสับสน เมื่อหมอเป็นต้นตอข่าวลือ จากโพลล์ที่สำรวจเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว กลุ่มตัวอย่าง 2,200 คน ราว 80% เห็นพ้องกันว่าควรมีมาตรการดำเนินการทางวินัยกับหมอที่ให้ข้อมูลโควิดที่บิดเบือนในเชิงวิชาการแก่สังคม

โดยเฉพาะการชักชวนไม่ให้คนฉีดวัคซีนโควิด ต่อต้านการใส่หน้ากาก หรือเสนอทางเลือกการรักษาโควิด-19 ที่อาจเป็นอันตราย เพราะไม่มีศาสตร์รองรับทั้งการแพทย์แผนปัจจุบัน หรือการแพทย์ทางเลือกที่ได้รับการรับรอง

คาดการณ์กันว่าคนอเมริกันราว 2-12 ล้านคน ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิดเพราะหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่เป็นที่ยอมรับกันในแวดวงวิชาการ https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2789369

สำหรับบ้านเราตลอดสองปีกว่าที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าสังคมสับสนกันพอควร กับข้อมูลเรื่องโควิดที่แพทย์แต่ละท่านเผยแพร่ในนามปัจเจก คงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานหลักทางการแพทย์ ที่จะต้องเป็นผู้ประสานความเห็นต่างให้ได้ พร้อมลงโทษผู้ละเมิดหลักการอยู่ร่วมกัน และหลักการความรับผิดชอบต่อสังคมของวิชาชีพ

ส่วนประชาชนตาดำๆ เช่นเราเช่นท่าน ก็คงต้องพยายามใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูลข่าวสารอย่างดีที่สุด

การเสมอนอกบ้านก็ยังดีกว่าพ่าย เหล่าสาวกปิศาจแดงมาช่วยกันส่งใจอีกครั้งวันที่ 16 เดือนหน้า แต่ดูแมตช์ใกล้เคียงดังรูป มันต้องฝ่าดงteenเพื่องมเข็มในมหาสมุทรชัด ๆ

#เดินหน้าต่อไปไม่หวั่นไหวโควิด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo