COVID-19

‘หมอนิธิพัฒน์’ เตือนโควิด ‘นิวไฮ’ ภาวะเตียงฝืดแทนที่เตียงเฟ้อ ระบาดชุมชนลามโรงเรียน

“หมอนิธิพัฒน์” ชี้เห็นสัญญานภาวะเตียงฝืด แทนที่เตียงเฟ้อ หลังโควิด นิวไฮอีกรอบ จับจาผู้ป่วยอาการหนัก ผู้เสียชีวิต การระบาดในชุมชนแพร่สู่โรงเรียน

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล เตือนโควิด นิวไฮ เตียงเริ่มฝืด แพร่ระบาดจากชุมชนไปโรงเรียน โดยระบุว่า

โควิด นิวไฮ

มีขึ้นมีลงตามกลไกตลาด? หลังจากลงมาสามวัน นิวไฮใหม่ก็มาแล้ว ยังดีที่ยอดผู้ป่วยอาการหนักลดลง 3 คน โดยยอดผู้เสียชีวิตคงที่ ยังคงต้องจับตากันใกล้ชิดต่อไป

ที่บ้านริมน้ำ เริ่มมีผู้ป่วยโควิดตกค้างที่ห้องฉุกเฉินมากขึ้น ส่วนใหญ่อาการไม่หนัก แต่ต้องรอสถานที่ส่งต่อ ส่วนพวกที่หนัก ก็มักจะเป็นจากโรคพื้นฐานเอง หนักจากโควิดพบเป็นส่วนน้อย

โควิด นิวไฮ เตียงรพ.เริ่มฝืด

ภาวะเตียงฝืดเข้ามาแทนเตียงเฟ้อของเมื่อเดือนที่แล้วโดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่สามารถอัดฉีดเม็ดเงิน (เตียง) เข้าสู่ระบบได้ คงไม่ต่างกับเงินในกระเป๋าของรัฐบาลตอนนี้ ช่วยกันชะลอโรคไปก่อน รับรองว่าเกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายแน่

ในยามสิ้นไร้ไม้ตอกท้อแท้หดหู่ การยิงประตูคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาอีกลูกเดียว ก็เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ คล้ายความรู้สึกของบุคลากรทางการแพทย์ เมื่อเห็นผู้ป่วยโควิดในความดูแลดีขึ้นคนแล้วคนเล่า แม้จะยังมีคนใหม่ป่วยเข้ามาต่อเนื่องไม่ยอมหยุด

เช้ามืดนี้ทีมปิศาจแดงล้างอาถรรพ์สามนัดติด ที่ยิงหนึ่งลูกในครึ่งแรกแล้วถูกตีเสมอในครึ่งหลังตลอด ครั้งนี้ปลดล็อคได้ หวังว่างานหนักอาทิตย์หน้าจะยังคงรักษาฟอร์มนี้ไว้ได้ แต่ทีมคู่แข่งร่วมเมืองเขาดีจริงสมราคาคุย ถล่มคู่แข่งแบบคลีนชีตในถ้วยใหญ่อย่างไร้ข้อสงสัย

ผู้ป่วย

มีทีมวิจัยที่รวบรวมข้อมูลรายงานการระบาดของโควิดในโรงเรียนอย่างเป็นทางการ จาก 35 แห่งทั่วโลก พบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการแพร่เชื้อในโรงเรียนที่สำคัญคือ การระบาดมากในชุมชน โดยเพิ่มความเสี่ยงขึ้นมา 1.11 – 2.72 เท่า

ในทางตรงข้าม มาตรการรักษาระยะห่างในโรงเรียน ร่วมกับการใส่หน้ากาก จะช่วยลดการแพร่เชื้อลงได้ 0.25 เท่า และการที่นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนมีภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนกันเยอะ จะช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดลงได้ 0.57 เท่า โดยจะเห็นผลในเด็กโตมากกว่าเด็กเล็ก (0.47 เท่าเทียบกับ 0.90 เท่า)

ดังนั้นการฉีดวัคซีนในเด็กนักเรียนทุกวัยล้วนมีความสำคัญ แต่การฉีดในช่วงวัยรุ่นจะช่วยลดการแพร่ระบาดในโรงเรียนได้ดีกว่า ส่วนในเด็กเล็กต้องมีมาตรการอื่นในโรงเรียนเสริมจากการฉีดวัคซีนด้วย

https://onlinelibrary.wiley.com/doi/epdf/10.1111/irv.12968

ที่น่าสนใจต่อไปคือ ทำไมวัยรุ่นบางส่วนจึงยังลังเลการเข้ารับวัคซีนโควิด ข้อมูลจากการสำรวจออนไลน์ในประเทศฮ่องกง จากวัยรุ่นกลุ่มตัวอย่าง 2,609 คน พบว่ามีเพียง 39% เท่านั้นที่ตั้งใจจะเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยไม่ลังเล เป็นผลจากการพบเห็นสมาชิกในครอบครัวป่วยจากโควิด โดยเฉพาะกรณีที่เป็นพ่อหรือแม่ด้วย

ส่วนข้อกังวลที่พบส่วนใหญ่ เกี่ยวข้องกับความสงสัยในประสิทธิภาพของวัคซีน และผลข้างเคียงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ต่างกับนักเรียนวัย 12-17 ปีในบ้านเรา ที่ยอมรับการฉีดวัคซีนโควิดสูงถึงเกือบ 80%

Click to access main.pdf

รร.

ที่บ้านเรายอมรับเยอะ อาจเป็นผลมาจากผู้ปกครองเป็นหลักก็ได้ การศึกษาในกลุ่มผู้ปกครองของนักเรียนวัยรุ่นจำนวน 13,327 คนในประเทศจีน พบมี 13.5% ที่ปฏิเสธการรับวัคซีน และราว 4% ไม่แน่ใจแต่ก็ยังให้ลูกหลานรับวัคซีน

ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิเสธวัคซีน คือ ผู้ปกครองที่เป็นโสด และ การมีฐานะดีมากหรือไม่ก็จนมาก

ส่วนปัจจัยที่ส่งเสริมการยอมรับวัคซีน คือ การได้รับข้อมูลเรื่องวัคซีนจากอาสาสมัครสาธารณสุขในชุมชน การไม่เชื่อเรื่องทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับวัคซีนโควิด และประสบการณ์ตรงของผู้ปกครองเองในการฉีดวัคซีน

Click to access main.pdf

ขอให้วันเพ็ญแห่งเดือนมาฆะ เป็นหมุดหมายการเริ่มสงบลงของโควิดโอไมครอนด้วยเถิด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo