เช็คอาการติดโควิดในเด็ก! เมื่อลูกติดโควิดต้องทำอย่างไร สามารถกักตัวรักษาที่บ้านได้หรือไม่ ดูแลอย่างไรให้เด็กปลอดภัย “พ่อ-แม่” ต้องรู้
จากสถานการณ์โควิดล่าสุด ที่ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และเริ่มพบการติดเชื้อในเด็กเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เด็กติดโควิด-19 มาจากผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นหากลูกได้รับเชื้อจะมีอาการแตกต่างจากผู้ใหญ่อย่างไร และต้องมีวิธีปฎิบัติตัวอย่างไรถึงจะปลอดภัยกับตัวเด็กและผู้ปกครอง
วิธีสังเกตอาการติดโควิดของเด็กที่พบมากที่สุด ได้แก่
- มีไข้หลายวัน อาจจะไข้สูงหรือไข้ต่ำก็ได้
- ไอแห้ง
- อ่อนเพลีย
- เจ็บคอ
- อาจมีหรือไม่มีน้ำมูกก็ได้ คัดจมูก
- บางรายอาจมีผื่นแดง จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส
- อาจพบอาการปวดเมื่อยตัว
- เบื่ออาหาร หรือในเด็กทารกอาจจะกินนมได้น้อยลง
- อาจมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง ซึ่งพบได้เล็กน้อย
แม้การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กส่วนใหญ่กว่า 90% จะมีอาการไม่รุนแรง แต่กลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี และเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เพราะเด็ก ๆ กลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะป่วยหนัก ปอดอักเสบ ระบบหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิต ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ผู้ใหญ่ควรงดสัมผัสหรือหอมแก้มเด็กเล็กโดยไม่จำเป็น โดยระยะฟักเชื้อจะอยู่ที่ประมาณ 14 วันโดยประมาณ และมักจะมีอาการของโรคใน 4-5 วันหลังจากที่ได้รับเชื้อ
กรณีที่มีผลตรวจยืนยันแล้วว่าลูกหรือเด็กในบ้านติดเชื้อโควิด อาจจะสามารถแบ่งได้เป็นหลายกรณี ดังนี้
- กรณีที่ 1 เด็กติดเชื้อและผู้ปกครองติดเชื้อ สามารถเข้ารับการรักษาโดยเน้นจัดอยู่เป็นครอบครัว ไม่ควรแยกเด็กเล็กออกจากผู้ปกครอง
- กรณีที่ 2 เด็กติดเชื้อ แต่ผู้ปกครองไม่ติดเชื้อ ให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือ Hospitel โดยเด็กจะต้องถูกส่งตัวไปรักษาและกักตัวที่โรงพยาบาลหรือ Hospitel อย่างน้อย 14 วัน ซึ่งการกักตัวสำหรับเด็กมีความซับซ้อนกว่าเคสของผู้ใหญ่ในเรื่องของจิตใจ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ต้องแยกห่างจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง แพทย์แนะนำว่า เมื่อเด็กต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลควรมีคนเฝ้า เพื่อให้เด็กไม่รู้สึกเคว้งคว้าง โดยผู้เฝ้าต้องเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง อายุไม่เกิน 60 ปี และไม่มีโรคประจำตัว
- กรณีที่ 3 เด็กไม่ติดเชื้อ แต่ผู้ปกครองติดเชื้อ ควรให้ญาติที่ไม่ติดเชื้อเป็นผู้ดูแลเด็ก หากไม่มีผู้ดูแลควรส่งเด็กไปยังสถานสงเคราะห์ หรือบ้านพักในสังกัดกระทรวงเป็นการชั่วคราว
- กรณีที่ 4 เกิดการระบาดเป็นกลุ่มในโรงเรียน หรือในเนิร์สเซอรี่ พิจารณาใช้พื้นที่เนิร์สเซอรี่เป็นโรงพยาบาลสนามเฉพาะกิจ โดยดูจากความพร้อมของสถานที่และบุคลากรตามความเหมาะสม
ลูกติดโควิดต้องทำอย่างไร
สำหรับเด็กเล็กที่ติดเชื้อโควิดแต่ต้องกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) อุปกรณ์ที่ใช้ติดตามอาการและบรรเทาอาการเด็กที่บ้าน ได้แก่
- ปรอทวัดไข้
- เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
- อุปกรณ์ที่สามารถใช้ถ่ายภาพ หรือบันทึกอาการของเด็กได้
- ยาสามัญประจำบ้านเพื่อบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาลดไข้ (พาราเซตามอล) ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก เกลือแร่
โดยสังเกตอาการโดยรวมของเด็กอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยแบ่งระดับอาการของเด็ก ออกเป็น 2 ระดับ
- ระดับที่ 1 คือ อาการที่ยังสามารถสังเกตอาการของเด็กที่บ้านต่อไปได้ ได้แก่ มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ถ่ายเหลว ยังคงกินอาหารหรือนมได้ตามปกติ ไม่ซึม
- ระดับที่ 2 คือ ระดับที่ผู้ปกครองควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำเด็กไปส่งโรงพยาบาล คือ ไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส หายใจหอบเร็วกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจมาก อกบุ๋ม ปีกจมูกบานตอนหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95% ซึมลง งอแง ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร
ความเสี่ยงของเด็กหากติดเชื้อโควิด-19
- เชื้ออาจลงปอด ทำให้เกิดอาการรุนแรง ถึงเสียชีวิต
- มีผลกระทบในด้านจิตใจ และพัฒนาการ เนื่องจากต้องได้รับการกักตัว กักบริเวณ หรืออยู่ในพื้นที่แคบ ในระยะเวลานาน
เด็กที่หายป่วยจากโควิด-19 อาจเกิดภาวะ MIS-C คล้ายโรคคาวาซากิ แต่รุนแรงกว่าจนอาจถึงขั้นเสียชีวิต พบในเด็กไทยแล้วประมาณ 20-25 ราย (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2564)
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์แนชั่นแนล อ้อมน้อย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ยอดติดโควิดพุ่ง! ‘บิ๊กตู่’ มั่นใจมาตรการสาธารณสุขไทยรับมือ ‘โอไมครอน’ ได้
- เช็คอาการติดโควิด! เปิดเกณฑ์ล่าสุด หนักแค่ไหนถึงมีสิทธิ์ส่งตัวเข้าโรงพยาบาล
- ‘หมอเฉลิมชัย’ คาดจุดพีค ติดโควิดสูงสุด 5 หมื่นรายต่อวัน เสียชีวิตไม่เกิน 50 ราย