อธิบดีกรมควบคุมโรค วอนอย่าด้อยค่า “ซิโนแวค” ชี้เดลตา ทำวัคซีนทุกชนิดประสิทธิภาพลดลง แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีประสิทธิภาพ ย้ำฉีดวัคซีนให้ครบ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กคัดค้านการกล่าวหาวัคซีนจีนโดยไร้เหตุ ว่า ช่วงที่ไทยต้องการวัคซีนมาก ๆ ยิ่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และ มีนาคม ซึ่งเป็นการระบาด ที่จ. สมุทรสาคร ทางการจีนเข้ามาช่วยไทย เนื่องจากขณะนั้นทั่วโลกต้องการวัคซีนมาก แต่จีนเจียดมาให้ไทย
นอกจากนี้ ยังข้อมูลวิชาการมีมากมาย รองรับถึงประสิทธิผลของวัคซีนซิโนแวค ดังนั้น วัคซีนซิโนแวคจึงช่วยชีวิตคนไทยได้จำนวนมาก แต่เมื่อมีเดลตาเข้ามา วัคซีนทุกชนิดประสิทธิภาพลดลงหมด แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีประสิทธิภาพ
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข และผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์แพทย์ทั้งหลายศึกษาวิจัย และมีการปรับสูตรไขว้ขึ้นมา เพื่อให้การฉีดไปได้ดี และทั่วโลกยอมรับขึ้น ซึ่งหลายประเทศก็มีการฉีด เช่น เยอรมัน มีเอกสารวิชาการตามมา และการส่งมอบวัคซีนจากจีนทุกครั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลจีน เช่นเดียวกับไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า เป็นบริษัทระดับโลก หากมีเรื่องเงินทอน คงไม่นิ่งเฉยแน่นอน
“ขอยืนยันความโปร่งใสของกระทรวงสาธารณสุขในการจัดหา ประสิทธิภาพ ความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ขอความกรุณา อย่าด้อยค่าวัคซีนที่เรามี และเพื่อประโยชน์ชีวิตคนไทย ขอให้มารับวัคซีนครบถ้วน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลกำหนดแจ้งไว้” นพ.โอภาสกล่าว
นอกจากนี้ ขอย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่มีเงินทอนเรื่องวัคซีน โดยไทยมีวัคซีน 3 ชนิดหลัก คือ ชนิดเชื้อตาย ชนิด mRNA และชนิดไวรัลเวกเตอร์ ซึ่งวัคซีนซิโนแวคที่จัดหามาตั้งแต่ต้นปี ราคา 17 เหรียญ แต่หลังจากมีการซื้อจำนวนมาก ความต้องการฉีดยังมี ตลาดเปิดกว้างขึ้น ปัจจุบันองค์การเภสัชกรรม แจ้งว่าราคาปัจจุบันอยู่ที่ 9 เหรียญ
ราคาดังกล่าว ถ้าเทียบกับวัคซีนชนิดเดียวกันเชื้อตายถูกกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ ที่เป็นชนิด mRNA เมื่อเทียบกับอีกบริษัท ที่กระทรวงสาธารณสุขจัดซื้อก็ถูกกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน แอสตร้าฯก็ถูกกว่าเช่นกัน ดังนั้น เงินทอนจึงไม่มีแน่นอน
ขณะที่การทำสัญญากับแอสตร้าฯ ตั้งแต่กลางปี 2563 วัคซีนทุกชนิดตอนนั้นยังวิจัยไม่เสร็จ และเมื่อวิจัยไม่เสร็จก็ยังไม่ขึ้นทะเบียน แต่เมื่อเราเห็นแนวโน้มว่าจะทำสำเร็จ เราก็มีการทำสัญญาล่วงหน้า โดยการทำสัญญาจึงไม่ใช่สัญญาปกติ เพราะนี่เป็นการระบาดครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์
ดังนั้น การลงนามในสัญญาของทุกบริษัทวัคซีนโควิด19 จะมีข้อกำหนดว่า ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลในสัญญา จนกว่าบริษัทจะยินยอมและตัวสัญญาก็มีการปรึกษาอัยการสูงสุดมาตลอด มีการรายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบ การของบประมาณมีการใช้งบกลาง งบเงินกู้ ซึ่งการซื้อทุกครั้ง การขออนุมัติต้องผ่านความเห็นชอบจากครม.
ก่อนหน้านี้ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก คัดค้านการกล่าวหาวัคซีนจีนโดยไร้เหตุ ซึ่งระบุว่า มีบางคนและบางองค์การของประเทศไทยได้ด้อยค่าและใส่ร้ายวัคซีนจีนโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ ซึ่งเป็นการกล่าวหามุ่งร้ายที่ไม่เคารพข้อมูลวิทยาศาสตร์และความเป็นจริง
อีกทั้งเป็นการทำร้ายความหวังดีของฝ่ายจีนในการสนับสนุนประชาชนไทยต่อสู้กับโรคระบาด สถานทูตจีนจึงขอคัดค้านอย่างเด็ดขาด และเรียกร้องให้บุคคลและองค์การที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ทั่วไทยฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 35.21 ล้านโดส ฉีดเข็ม 3 ทะลุ 6 แสนโดส
- ความจริง!! ‘หมอยง’ บอกวัคซีนโควิด-19 ทุกชนิด ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้!!
- อย่าด้อยค่า โดยไร้เหตุผล! สถานทูตจีนออกโรงป้อง ‘ซิโนแวค’ ไม่ใช่ ‘วัคซีนคุณภาพต่ำ’