ครม.เคาะลุยโครงการ Factory Sandbox ป้องกันแพร่ระบาดในโรงงาน ประเดิม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และชลบุรี 60 โรงงานเข้าร่วม ลูกจ้างรวม 138,395 คน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต โพสต์เพจเฟซบุ๊ก แจ้งมาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) และโครงการนำร่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) โดยระบุว่า
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ มาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) และโครงการนำร่อง การป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) ดังนี้
มาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 30) ข้อ 9 มาตรการเพื่อการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานในสถานประกอบกิจการ หรือโรงงานทั่วราชอาณาจักร โดยให้มีมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and Seal)เพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
มาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน และควบคุมการแพร่เชื้อในพื้นที่ รวมถึงไม่ให้มีการแพร่ระบาดไปสู่ชุมชน รวมถึงป้องกันการเสียชีวิต และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคม จากการหยุดดำเนินกิจการ
โครงการนำร่องการป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) ประกอบด้วย
1. แนวคิดในการจัดการ โครงสร้างและกระบวนการในลักษณะ “เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข” ที่มุ่งเป้าดำเนินการควบคู่กันระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจ โดยใน Sandbox จะมุ่งเป้าไปที่โรงงานภาคการผลิตส่งออกขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นกลไกหลักของประเทศในปัจจุบัน 4 ภาคส่วน ได้แก่ ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และอุปกรณ์การแพทย์
2. โครงการ Factory Sandbox แบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 ดำเนินการใน 4 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และชลบุรี มีสถานประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการรวม 60 แห่ง มีจำนวนลูกจ้างรวม 138,395 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2564)
ระยะที่ 2 ดำเนินการใน 3 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ ทั้งนี้ มีขั้นตอนหลัก ได้แก่ การตรวจ การรักษา การดูแลและการควบคุม เพื่อให้สามารถบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างตรงเป้าหมาย
ปะเภทสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่
1. สถานประกอบการที่ผลิตเพื่อการส่งออก
2. สถานประกอบการที่อยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ชลบุรี พระนคาศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ
3. มีลูกจ้างตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป
4. ต้องดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในสถานประกอบการ (Factory Accommodation Isolation: FAI) ไม่ต่ำกว่า 5%
5. ดำเนินการ Bubble and Seal โดยกำหนดให้ลูกจ้างเดินทางกลับที่พักโดยตรงไม่แวะระหว่างทาง และอยู่แต่ในเคหสถานเท่านั้น
6. ตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง ให้แก่ลูกจ้างทั้งหมด และตรวจแบบ Self-ATK ทุก 7 วัน
7. ฉีดวัคซีนให้ลูกจ้างที่ตรวจ Swab Test ทุกคน ยกเว้นคนที่ติดเชื้อ ให้เข้ารับการรักษาในส่วนค่าบริการฉีดวัคซีน สถานประกอบการต้องเป็นผู้จ่ายให้แก่สถานพยาบาล
8. สถานประกอบการ ทำหนังสือยินยอมดำเนินการ ตามแนวทางของกระทรวงแรงงานและจังหวัด
ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ Factory Sandbox
1. รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตส่งออกซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 700,000,000,000 บาท
2. ป้องกันคลัสเตอร์โรงงานจากการติดเชื้อ และสร้างสมดุลระหว่างมาตรการทางด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
3. สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
4. รักษาระดับการจ้างงานในภาคการผลิตส่งออกสำคัญได้กว่า 3,000,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ มาตรการป้องกันควบคุมมาตรการป้องกันควบคุมโรค ในพื้นที่เฉพาะ ดำเนินการโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข
ส่วนโครงการนำร่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน ดำเนินงานโดยกระทรวงแรงงาน ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขมีหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนและร่วมดำเนินการ
นอกจากนี้ ศบค. จะจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด – 19 ในสถานประกอบกิจการและโรงงานอุตสาหกรรม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘กนอ.’ จ่อใช้มาตรการ ‘Bubble and Seal’ คุมเข้มโควิด ในโรงงาน
- นิวไฮ โควิด สมุทรสาคร ผู้ติดเชื้อพุ่ง 1,683 รายดับ 10 ราย สั่งปิดตลาดโรงไม้ เข้มกักตัวในโรงงาน
- ล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว ถล่มค้าปลีกสูญ 2.7 แสนล้าน ปิดนับแสนร้าน ตกงานกว่าล้านคน