“หมอเฉลิมชัย” เปรียบเทียบผลใช้มาตรการล็อกดาวน์ ระดับ 1-3 ของรัฐบาล ยังคุมโควิดไม่อยู่ ชี้อาจจำเป็นต้องใช้ ล็อกดาวน์ขั้นสูงสุด ระดับ4 ระหว่างรอผลวัคซีนในอีก 3-5 เดือนข้างหน้า
นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “Chalermchai Boonyaleepun” ถึงมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล เปรียบเทียบผลล็อกดาวน์ ตั้งแต่ระดับ 1 ถึงระดับ 3 ยังไม่สามารถคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตได้ อาจจำเป็นต้องยกระดับ ล็อกดาวน์ขั้นสูงสุด เพื่อรอผลจากวัคซีนใน 3-5 เดือนจากนี้ โดยระบุว่า
“สมเหตุสมผลหรือไม่ สำหรับการคงมาตรการล็อกดาวน์ในระดับเข้มงวด(Strict Lockdown) ต่อไปอีก 14 วัน และขยายเขตสีแดงเข้มเพิ่มขึ้นเป็น 29 จังหวัด
สถานการณ์โควิดระบาดระลอกที่สามของไทย ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 ได้เดินทางมาครบสี่เดือนเต็ม และกำลังเริ่มต้นเดือนที่ห้าในวันนี้คือ 1 สิงหาคม 2564
ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้ประชุมวาระพิเศษ และมีมติให้คงระดับการล็อกดาวน์ในระดับที่ 3 คือเข้มงวด (Strict Lockdown) ต่อไปอีก 14 วัน และเพิ่มพื้นที่เขตสีแดงเข้มจาก 13 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด
คงต้องพิจารณาหลากหลายปัจจัย หลากหลายมิติ เพื่อประกอบการออกมาตรการล็อกดาวน์ ในระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกัน
หนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญ และมีน้ำหนักมาก ก็คือ สถิติตัวเลขต่าง ๆ หลายตัวด้วยกัน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ถึงความสมเหตุสมผลของมติดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น
1. จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่
2. จำนวนผู้เสียชีวิต
3. จำนวนผู้รักษาตัวในโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนาม
4. จำนวนผู้ป่วยอาการหนัก
5. จำนวนผู้ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
ลองมาพิจารณาโดยการวิเคราะห์เปรียบเทียบ ดังนี้
1. เปรียบเทียบสถานการณ์เดือนต่อเดือน เรียงกันไปสี่เดือนติดต่อกัน
เดือนแรก
เทียบระหว่าง1 เมษายน กับ 1 พฤษภาคม พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 38,155 ราย จาก 28,889 เป็น 67,044 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 130 ราย จาก 94 ราย เป็น 224 ราย
เดือนที่สอง
เทียบระหว่าง 1 พฤษภาคม กับ 1 มิถุนายน ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 94,978 ราย จาก 67,044 ราย เป็น 162,022 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 845 ราย จาก 224 ราย เป็น 1069 ราย
เดือนที่สาม
เทียบระหว่าง 1 มิถุนายน กับ 1 กรกฎาคม ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 102,812 ราย จาก 162,022 เป็น 264,834 รายเสียชีวิตเพิ่ม 1011 ราย จาก 1069 ราย เป็น 2080 ราย
เดือนที่สี่
เทียบระหว่าง 1 กรกฎาคม กับ 1 สิงหาคม ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 350,480 ราย จาก 264,834 เป็น 615,314 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2910 ราย จาก 2080 ราย เป็น 4990 ราย
สถิติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน ตลอดสี่เดือนที่ผ่านมา
2. เปรียบเทียบหลังจากติดเชื้อไปแล้วหนึ่งเดือน จนถึงปัจจุบัน ระหว่าง 1 พฤษภาคม จนถึง 1 สิงหาคม พบว่า ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9.18 เท่า เข้ารับการรักษาตัวเพิ่มขึ้น 7.13 เท่ารักษาตัวใน รพ.หลักเพิ่ม 3.58 เท่ารักษาตัวใน รพ.สนามเพิ่ม 16.42 เท่าผู้ป่วยอาการหนักเพิ่ม 5.75 เท่า ผู้ใช้เครื่องช่วยหายใจเพิ่ม 3.87 เท่า
3. ระดับการล็อกดาวน์แบ่งได้เป็น
- ระดับเล็กน้อย (Partially lockdown)
- ระดับปานกลาง (Semi-lockdown)
- ระดับค่อนข้างมาก (Strict lockdown)
- ระดับสูงสุด (Fully lockdown)
โดยการล็อกดาวน์ของประเทศไทยในระดับเล็กน้อย ได้เริ่มเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ระดับปานกลางเริ่ม 12 กรกฎาคม 2564 ระดับค่อนข้างมากเริ่ม 20 กรกฎาคม 2564
ยังไม่ได้มีการประกาศใช้ล็อกดาวน์ระดับสูงสุด ในการระบาดระลอกที่สามนี้
ลองมาดูผลของการล็อกดาวน์ ระดับต่าง ๆ ว่า เมื่อครบ 14 วันแล้ว มีผลเป็นอย่างไรบ้าง
1. ล็อกดาวน์ระดับ 1 หรือเล็กน้อย ได้ประกาศใช้เมื่อ 28 มิถุนายน 2564 ประเมินผล 12 กรกฎาคม 2564 ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 95,174 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 857 ราย
2. ล็อกดาวน์ระดับ 2 หรือปานกลางประกาศใช้เมื่อ 12 กรกฎาคม 2564 ประเมินผล 26 กรกฎาคม 2564 มีติดเชื้อเพิ่ม 167,349 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1355 ราย
3. ล็อกดาวน์ระดับ 3 หรือเข้มงวดประกาศใช้ 20 กรกฎาคม 2564 ประเมินผล 1 สิงหาคม 2564 มีติดเชื้อเพิ่ม 188,839 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1488 ราย
ลั่นอาจต้อง ล็อกดาวน์ขั้นสูงสุด ระหว่างรอผลวัคซีน
จากสถิติดังกล่าวทั้งหมด จะเห็นได้ว่า การประกาศล็อกดาวน์ในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับที่หนึ่งเล็กน้อย มาสู่ระดับที่สองปานกลาง และระดับที่สามเข้มงวด ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ยังไม่สามารถจะคุมจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตเอาไว้ได้ อย่างเป็นที่น่าพอใจ
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิต ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จะเริ่มลดลงบ้างแล้วก็ตาม หากแต่ไปเพิ่มมากขึ้นในต่างจังหวัด ทำให้ค่าเฉลี่ยของประเทศยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง
การใช้มาตรการล็อกดาวน์ในระดับที่สาม หรือค่อนข้างมากในปัจจุบัน จึงมีความหวังไม่สูงนัก ที่จะควบคุมการระบาดเอาไว้ได้ นอกจากจะสามารถเร่งระดมฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็วภายในหนึ่งเดือน ซึ่งก็เป็นไปได้ยากมาก ถ้าการเร่งระดมฉีดวัคซีน ต้องใช้เวลาอีกมากกว่า 3 เดือน
ในช่วงระหว่าง 3 เดือนนี้ การยกระดับการล็อกดาวน์ จากระดับที่สามคือ ค่อนข้างมาก ไปเป็นระดับที่สี่คือ ระดับสูงสุด เฉพาะในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม อาจมีความจำเป็น เพื่อชลอหรือทำให้จำนวนผู้ป่วย ลดลงมาสู่ระดับที่ระบบสุขภาพ จะสามารถดูแลผู้ที่ไม่สมควรจะเสียชีวิต ไม่ต้องให้เสียชีวิตได้สำเร็จ
แม้จะไม่สามารถทำให้ยุติการระบาดได้ก็ตาม เพื่อเป็นการรอผลของวัคซีนที่จะเห็นผลในอีก 3-5 เดือนข้างหน้าครับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอเฉลิมชัย’ รวม 11 เรื่องควรรู้ ‘วัคซีนไฟเซอร์’ ที่ใครก็อยากฉีด
- ตะลึง!! ‘หมอเฉลิมชัย’ คาดกทม.มีผู้ติดเชื้อโควิดไม่แสดงอาการ 4-5 แสนคน
- โควิดวันนี้ 3 ส.ค. ทั่วโลกติดเชื้อ 199.59 ล้าน ‘มาเลย์’ เปิด ‘วอล์กอิน’ ฉีดวัคซีนทั่วประเทศแล้ว