COVID-19

ความดันสูง ฉีดวัคซีนได้แล้ว ‘ปลดล็อก’ ไม่ต้องวัดความดันก่อนฉีดวัคซีน

ข่าวดีสำหรับผู้ที่มีปัญหา ความดันสูง ก่อนฉีดวัคซีน ทำให้ฉีดวัคซีนไม่ได้ ล่าสุด คณะทำงาน ผู้เชี่ยวชาญ ลงมติ ยกเลิกวัดความดันโลหิตก่อนฉีดวัคซีน หวังฉีดได้เพิ่มขึ้น ลดอุปสรรคการเข้าถึงวัคซีน

นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) เปิดเผยว่า จากปัญหาที่พบในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 คือ ประชาชนหลายคน วัดความดันแล้วพบว่า ความดันสูง จนไม่ได้ฉีดวิคซีน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความกลัว วิตก เครียดจากการฉีดวัคซีน ทำให้เสียโอกาสการเข้าถึงบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด

ความดันสูง

ดังนั้น ในที่ประชุมอนุกรรมการอำนวยการบริหารการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 คณะทำงานด้านวิชาการ ทั้งสมาคมโรคติดเชื้อ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ จึงเห็นชอบให้ยกเลิกการวัดความดันโลหิต ก่อนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในจุดให้บริการฉีดวัคซีน เพื่อลดอุปสรรคในการเข้าถึงวัคซีนของประชาชน

ทั้งนี้ จากเดิมมีการกำหนดให้ต้องวัดความดันก่อนฉีดวัคซีน โดยต้องไม่เกิน 160 มิลลิเมตรปรอท หากเกินต้องควบคุมให้ดีก่อน จึงกลับมาฉีด ซึ่งพบว่า ทำให้คนเข้าไม่ถึงเยอะ จึงมีการปรับเป็นไม่เกิน 180 มิลลิเมตรปรอท แต่ก็ยังพบว่ามีบางคนไม่ได้ฉีดวัคซีน

ขณะที่ ทางคณะทำงานด้านวิชาการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ให้ข้อมูลว่า ระดับความดันโลหิต ไม่ได้มีผลต่อการฉีดวัคซีน และด้วยสถานการณ์ที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิดโดยเร็ว และมากที่สุด จึงขอให้ยกเลิกการวัดความดันโลหิต ซึ่งหลังจากนี้ กรมการแพทย์จะแจ้งไปยังศูนย์ฉีด หน่วยบริการ โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศต่อไป

นพ.โสภณ เมฆธน
นพ.โสภณ เมฆธน

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิต ขอย้ำว่า ต้องทานยาต่อเนื่อง ก็จะสามารถควบคุมความดันได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็สามารถรับการฉีดวัคซีนโควิดได้

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีการหารือถึงผลการฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย ผู้สูงอายุ และกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง พบว่า ยังฉีดได้น้อยเพียงกว่า 30% จึงได้กำชับ และให้ทางพื้นที่ดำเนินการตามกรอบเป้าหมายดังกล่าว เพราะ 2 กลุ่มนี้ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่ต้องได้รับวัคซีนก่อน เนื่องจากหากรับเชื้อ จะมีอาการรุนแรง และเสียชีวิต โดยมีเป้าหมายต้องฉีดให้ได้มากกว่า 50%

พร้อมกันนี้ ยังย้ำไปทางโรงพยาบาลต่าง ๆ ว่า หากผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือหญิงตั้งครรภ์ เมื่อมายังโรงพยาบาล มารักษาหรือรับยาตามกลุ่มอาการ เช่น คลินิกเบาหวาน หรือหญิงตั้งครรภ์ไปฝากครรภ์ ให้บุคลากรสอบถาม หากพบว่ายังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ให้ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ ณ จุดคลินิกดังกล่าว ได้เลย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo