เดินทางข้ามจังหวัดได้ไหม!! “วิษณุ – ศบค.” เคลียร์ชัดเดินทางข้ามจังหวัดพื้นที่สีแดงได้ ไม่ได้ห้าม แต่ต้องมีความจำเป็น พร้อมแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนแล้ว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความชัดเจนข้อกำหนดที่ 27 เกี่ยวกับการเดินทางข้ามจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มว่า เป็นเพียงการขอความร่วมมือไม่ถึงขั้นห้าม แต่การเดินทางเข้าหรือออกพื้นที่สีแดงเข้มต้องแสดงหลักฐานความจำเป็นและมีด่านตรวจ หากแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนสองเข็มก็จะช่วยได้เยอะ และในข้อกำหนดระบุไว้ว่า อาจทำให้การเดินทางจะไม่ได้รับความสะดวกเหมือนที่ผ่านมา เวลาเดินทางมากขึ้นกว่าเดิม และการตั้งด่านจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพราะกลัวการอพยพ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ที่ไม่ใช่จังหวัดสีแดงเข้มยังเดินทางได้ปกติ
เดินทางได้ หากจำเป็น
ด้านนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณี แนวทางปฏิบัติการ โดยในการเดินทางข้ามเขต จาก 10 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ กทม. นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานีปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสงขลา หากจำเป็นต้องเดินทาง อาทิ การเดินทางเพื่อรับวัคซีนยังจังหวัดอื่นนั้น ถือว่าเดินทางได้ โดยที่การเดินทางเพื่อรับวัคซีนเป็นการเดินทางตามวัตถุประสงค์ด้านการสาธารณสุข และได้แจ้งไว้กับหน่วยงานด้านความมั่นคงด้วยแล้ว โดยเฉพาะกรณีเป็นผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ อาจพิจารณาเดินทางในช่วงกลางวันเพื่อไม่ให้ขัดต่อมาตรการห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 น. เว้นแต่มีความจำเป็นยิ่ง หรือได้รับการอนุญาต มีใบอนุญาตที่เป็นรายกรณี
กรณีข้อกำหนด ข้อ 7 (5) สถานประกอบการนวดแผนไทยให้ปิดดำเนินการนั้น รวมถึงคลีนิกเสริมความงามหรือไม่ นายแพทย์ ทวีศิลป์ฯ กล่าวว่า เพื่อลดความสัมผัสใกล้ชิด โดยเฉพาะการสัมผัสจุดแพร่เชื้อซึ่งรวมถึงใบหน้าด้วยนั้น นับรวมคลีนิกเสริมความงามด้วย เพื่อลดการแพร่เชื้อตามวัตถุประสงค์ของข้อกำหนดฯ
ในโอกาสนี้ โฆษก ศบค. ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงการทำความเข้าใจต่อประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้ประชาสัมพันธ์จังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด นำชุดข้อมูลเหล่านี้ไปสื่อสารดูแลความเข้าใจ สื่อสารถึงประชาชน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ต้องการให้เกิดการดำเนินการเคร่งครัด และเป็นการล็อกดาวน์บางจุดเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด เพื่อยังให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้
พร้อมขอความร่วมมือ เพื่อร่วมกันป้องกันโรคให้สำเร็จได้ นอกจากรัฐแล้ว ผู้ประกอบการ และประชาชน มีส่วนสำคัญ หากร่วมมือกันอย่างเต็มที่ จะควบคุมเชื้อโรคที่มองไม่เห็นได้ “การควบคุมโรค คือการควบคุมคน” ทุกครั้งทราบดีว่าการประกาศจะเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชน ซึ่งจะกระทบถึงปากท้อง การดำเนินชีวิตประชาชน
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องการเห็นความเสียหาย จึงขอความร่วมมือทุกคนร่วมกันอีกครั้ง และ ใน 14 วันข้างหน้านี้ หลัง 14 วัน หวังว่า จะได้พบกับข่าวดีร่วมกัน
การปฏิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
1. จำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด (เฉพาะกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล)
- กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนใช้การปฏิบัติงานในลักษณะ Work From Home ให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญ และการบริการประชาชน
- ระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการได้ในห้วงเวลา 21.00 น. ถึง 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
- ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์เปิดได้เฉพาะ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน ทั้งนี้เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหารหรือสุราหรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม
- สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการสำหรับการออกกำลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ กิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรม ตามประเพณี ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
- สถานศึกษาใช้การเรียนการสอนหรือกิจกรรมเพื่อการสื่อสารแบบทางไกลหรือด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
2. ให้บุคคลงดการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี
3. การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างยังคงเป็นไปตามข้อกำหนดของ ศบค.ที่ได้มีประกาศ ไปแล้วก่อนหน้านี้
4. กำกับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (DMHTTA) อย่างสูงสุด
5. ให้เริ่มดำเนินการตามข้อ 1-4 ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป และให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ระดับ สถานการณ์ต่าง ๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24, 25, 26) มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้
6. ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดลาดตระเวน เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด โดยให้พร้อม ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 06.00 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้กรณีตรวจพบผู้ฝ่าฝืนให้บังคับใช้บทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558
7. สถานศึกษาใช้การเรียนการสอนหรือกิจกรรมเพื่อการสื่อสารแบบทางไกลหรือวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘วิษณุ’ ตอบชัด! ‘การเดินทางข้ามจังหวัด’ ไปได้ แต่ ‘เข้า-ออก’ พื้นที่แดงเข้ม ต้องเหตุจำเป็น
- ด่วน!! ครม.ยกเลิกวันหยุดพิเศษ 27 ก.ค. ลดการเดินทางข้ามจังหวัด
- โควิดวันนี้ ยังหนัก ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,436 ราย เสียชีวิต 86 ราย