ศบค.ขอความร่วมมือกิจการ/กิจกรรม คลายล็อคแล้ว ต้องปฏิบัติมาตรการ ป้องกันโควิด-19 แพร่ระบาด ระบุมีชุดตรวจ 2,060 ทีม ออกสำรวจ ให้คำแนะนำ หากยังฝ่าฝืนซ้ำ “ปิดร้าน” ประกาศ! ให้ประชาชน มาตรวจหาเชื้อโควิดในรพ. แม้มีอาการเข้าเกณฑ์เล็กน้อย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า กรณีมีกิจการ/กิจกรรม ฝ่าฝืนมาตรการผ่อนปรนระยะ 2 เช่น ร้านเสริมสวย เปิดให้ลูกค้าย้อมผม และดัดผม ย้ำว่า ยังไม่อนุญาตให้ทำ ให้แค่สระและตัด เพราะการย้อมและดัดผม ใช้เวลาเกิน 2 ชม. ต้องรอให้เข้าสู่การผ่อนปรนระยะ 3 และ 4 เสียก่อน จึงจะทำกิจกรรมต่างๆได้มากขึ้น
โดยปัจจุบันมีการสนธิกำลังของหน่วยงานต่างๆ จัดชุดตรวจกิจการและกิจกรรม ที่ได้รับการผ่อนปรน มีทั้งชุดตรวจทั่วไป 90 ทีม ชุดตรวจร่วม 1,896 ทีม ชุดตรวจส่วนกลาง 74 ทีม รวม 2,060 ทีม ออกตรวจ
หากมีผู้ร้องเรียนเข้ามา เราก็จะมีทีมออกไปให้คำแนะนำ เมื่อกิจการและกิจกรรมปฏิบัติตาม ก็ต้องขอบคุณ แต่หากยังไม่ปฏิบัติตามมาตรการอีก การลงโทษก็จะเกิดขึ้น คือ “ปิดร้าน” เมื่อใดกลับมาปฏิบัติตามคำแนะนำก็กลับมาเปิดได้เหมือนเดิม แต่เราก็ไม่ต้องการไปปิดร้าน ขอให้เข้าใจว่าที่เราทำทั้งหมด เพื่อปกป้องทุกคน สถานประกอบการ ก็ต้องป้องกันตัวเองด้วย เพราะลูกคาก็อาจมีส่วนเสี่ยงนำโรคมาติดได้ จึงไม่ควรไปสัมผัสกับเขานาน ดังนั้นการดัดผมย้อมผม ให้รอการผ่อนปรนระยะต่อไปก่อน เช่นเดียวกับผับบาร์ เป็นกิจการโซนสีแดง ต้องรอการประกาศผ่อนปรนระยะต่อๆไป จึงจะเปิดดำเนินการได้
ทั้งนี้ในปัจจุบันพบว่า มีประชาชนตื่นตัว เดินทางมาขอตรวจเชื้อโควิด-19 เองในรพ.กันมากขึ้น ทำให้พบผู้ป่วยเพิ่ม จากสถิติผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 3,031 ราย (ณ วันที่ 18 พ.ค.) พบว่ามีสัดส่วนถึง 52% หรือ 1,585 รายที่เกิดจากประชาชนมาขอตรวจที่รพ.เอง รองลงมาเกิดจากการติดตามผู้สัมผัส 39% จำนวน 1,186 ราย มาจาก State Quarantine 3% 100 ราย ศูนย์กักกัน 2% 65 ราย ค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม 2% 55 ราย ช่องทางเข้าออกประเทศ 2% 40 ราย
โดยตอนนี้เราปรับเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) แล้ว ก็ขอให้คนไทยทั้งประเทศหากสงสัย และเข้าเกณฑ์การตรวจหาเชื้อโควิด-19 แม้เพียงเล็กน้อยไม่ต้องทั้งหมด ก็สามารถเดินเข้าไปขอตรวจฟรีได้ที่รพ.ต่างๆ
ทั้งนี้ย้ำว่าขอให้ประชาชน ต้องเฝ้าระวัง และทำมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ต่อไป โดยจุดที่ต้องเตือนมากที่สุด คือ การโดยสารรถไฟฟ้า เพราะแม้ตอนรอคิวเข้ารถไฟฟ้า จะมีการเว้นระยะ แต่เมื่อเข้าไปในรถไฟฟ้าแล้วก็จะอัดกันแน่น โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน ยอมรับว่าเป็นความยากในการบริหารจัดการ
ย้ำว่าหากจำเป็นต้องโดยสาร ต้องใส่หน้ากาก และหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านในช่วงเวลาเร่งด่วน เพราะจะนำตัวเองไปเสี่ยงติดโรค มาตรการสำคัญ คือ ต้องเหลื่อมเวลาทำงาน และการทำงานที่บ้าน (Work From Home)เป็นคำตอบที่ดีที่สุด ส่วนการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังคงมีอยู่ และเป็นปัจจัยเดิมๆ คือ ดื่มสุรา เล่นการพนัน และยาเสพติด ต้องขอให้ประชาชนช่วยกัน
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่าสำหรับคนไทยที่เดินทางกลับประเทศ แสดงความยินดีกับครอบครัว เพราะจะมีคนไทยกลับมาอีก 781 คนระหว่างวันที่ 19-20 พฤษภาคม แต่ย้ำว่าทั้งหมดต้องเข้าสู่ State Quarantine เป็นเวลา 14 วันก่อนถึงจะกลับบ้านได้ ส่วนจุดผ่านแดนทางบกเดินทางเข้าไทยสะสมแล้ว 12,394 ราย
- เจออีก 2 คน เฝ้าไข้ผู้ป่วยที่ ‘นราธิวาส’ วันนี้ไม่มี ‘เสียชีวิต-หายป่วย’ เพิ่ม
- สจล. พัฒนารถตู้ ‘Swab Test’ ไล่ตรวจโควิดเชิงรุก พร้อมวิ่งบริการทั่วประเทศ
- กำชับ ‘กองถ่ายรายการ-ละคร’ ทำ 8 ข้อ เข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 แพร่ระบาดรอบ 2