สธ. เผย WHO ยุติภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลกของโรคโควิด-19 ยุติ แต่ยังเป็นโรคประจำถิ่น พร้อมเฝ้าระวังต่อเนื่อง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวว่า ดร.เท็ดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลกของโรคโควิด-19
การประกาศของ WHO สอดคล้องกับประเทศไทย ที่ประกาศปรับโควิด-19จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ยังเน้นย้ำว่า แม้จะยกเลิกเป็นภาวะฉุกเฉินแต่โควิดยังไม่ได้หายไปไหน เรายังต้องรับมือให้ดี
ปัจจุบันประเทศไทยได้ปรับการฉีดวัคซีนโควิด เป็นวัคซีนประจำปี มีระบบเฝ้าระวังและระบบเตือนภัยต่าง ๆ โดยช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด เฉลี่ย 10 รายต่อสัปดาห์ แนวโน้มเริ่มคงที่
ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็เริ่มชะลอตัวลง โดยคาดว่าคงไม่เพิ่มมากกว่านี้มากนัก แต่ที่น่ากังวลว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่คือ ผู้สูงอายุ และคนที่ไม่ได้รับวัคซีนโควิดเลย
ดังนั้น ขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 608 เข้ามารับวัคซีนโควิดในเข็มกระตุ้น ซึ่งตอนนี้ สธ. ได้รณรงค์การฉีดวัคซีนคู่ คือวัคซีนโควิด กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อป้องกันในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า นัยยะขององค์การอนามัยโลก คือ สิ้นสุดการจัดการภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขระดับโลกของโรคโควิด-19 แต่ประเทศต่าง ๆ ยังต้องจัดการกับโควิดต่อในแบบโรคประจำถิ่น
ในส่วนของประเทศไทย ก็มีการดำเนินการตามแนวทางกำหนดเช่นกัน ซึ่งข้อเท็จจริงโรคโควิดไม่ได้หายไปไหน คล้ายๆ ไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เคยเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับโลก เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็ปรับลดระดับ
ทั้งนี้ เมื่อยุติภาวะฉุกเฉินระดับนานาชาติ ก็จะเป็นการดำเนินการของแต่ละประเทศ โดยที่ผ่านมาประเทศไทยมีการปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิดมาเป็นระยะ อย่างล่าสุดตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2565 ปรับจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังซึ่งกำหนดให้โรงพยาบาลรายงานผู้ติดเชื้อทุกสัปดาห์
พร้อมกันนี้ ยังแนะนำฉีดวัคซีนกระตุ้นปีละ 1 ครั้ง และเมื่อองค์การอนามัยโลกประกาศออกมา ก็จะพิจารณาการดำเนินการมาตรการอื่น ๆ เช่น มาตรการเดินทางระหว่างประเทศ ที่ไทยปรับมาสู่ระดับใกล้เคียงปกติก่อนมีโควิด เป็นต้น
นพ.โสภณ ยังกล่าวถึงสายพันธุ์ XBB ว่า ยังไม่พบป่วยตายเพิ่มทั่วโลก ส่วนไทยช่วงสงกรานต์กิจกรรมเยอะ คนเดินทางมากใกล้ชิดกัน ทำให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง 3 สัปดาห์แล้ว แต่ระบบสาธารณสุขไทยยังรับได้
แต่ไม่ต้องกังวลว่า จะระบาดรุนแรงเหมือนเมื่อก่อน เพราะคนในประเทศมีภูมิคุ้มกันจากฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ติดเชื้อแล้วมากกว่า 90% แต่ขอให้กลุ่มเสี่ยงมารับวัคซีนประจำปีกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่เคยได้วัคซีน
ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สิ่งที่สะท้อนอย่างชัดเจน คือ เรื่องของการเดินทาง ต่อไปจะไม่มีการบังคับตรวจหาเชื้อโควิด หรือตรวจดูการรับวัคซีนอีก
ส่วนแนวทางปฎิบัติของคนไทย ก็ยังคงปฏิบัติตามปกติเหมือนเช่นทุกวันนี้ เช่น สวมหน้ากากอนมัย ก็ต้องพิจารณาว่าอยู่ในสถานการณ์หรือสถานที่แออัด หรือ ตัวเองป่วยหรือไม่
ขณะที่สถานการณ์การติดเชื้อโควิด เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ที่ต้องพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ โดยข้อมูลของกองระบาดวิทยา ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่รักษาตัวในรพ. 1,811 คน เสียชีวิต 10 คน มีภาวะปอดอักเสบ 157 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 79 คน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอมนูญ’ ชี้โควิด-19 อยู่ในช่วงขาขึ้น และจะเพิ่มต่อเนื่องอีก 2-3 เดือน
- รวมไว้ที่นี่!! จุดฉีดวัคซีนโควิด-19 เดือนพ.ค. ที่ไหนบ้างเช็กเลย
- ‘หมอยง’ ชวนทำความรู้จักโรคประจำฤดูกาล ‘โควิด-ไข้หวัดใหญ่-RSV’