COVID-19

อย่ารีรอ!! กรมควบคุมโรค ย้ำวัคซีนโควิด-19 ที่มี กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี ไม่ต้องรอรุ่นใหม่

โควิดไทยยังเจอโควิดระบาด Small Wave กรมควบคุมโรค เผยวัคซีนโควิด-19 ที่มีในประเทศ กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี รับทันทีที่ รพ.ใกล้บ้าน ไม่ต้องรอรุ่นใหม่

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดี กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบเริ่มชะลอตัวลง ยังจะพบการระบาดในลักษณะ Small Wave โดยกลุ่มที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดเป็น กลุ่ม 608 ประมาณ 95% ทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน

วัคซีนโควิด-19

การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง และคำแนะนำจากคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ครั้งที่ 8/2565 วันที่ 9 ธันวาคม 2565 ได้มีมติเห็นชอบให้ กลุ่มเป้าหมายที่สมควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข้ารับวัคซีนตามระยะเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ สามารถใช้วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องรอวัคซีนรุ่นใหม่ (mRNA bivalent) ในช่วงสถานการณ์โควิดขาขึ้นเวลานี้ เนื่องจากวัคซีน mRNA monovalent ยังมีประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อของสายพันธุ์ที่ระบาดในปัจจุบัน และลดความรุนแรงของโรคได้ดี

จากกรณีที่มีการกล่าวอ้างผลวิจัยว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน 3 เข็ม ไม่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ นั้น ขัดกับข้อเท็จจริงของผลการศึกษาประสิทธิผลการฉีดวัคซีนในประเทศไทยที่พบว่า วัคซีนเข็มที่ 4 สามารถป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ดีมากกว่าการรับวัคซีนเพียง 3 เข็มมานานหลายเดือน

เห็นได้จากอัตราการเสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนมาแล้วเป็นเวลานาน และผู้ที่ได้รับวัคซีนตามกำหนด รวมทั้งเข็มกระตุ้น ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงเมื่อติดโควิด ดังนั้น เป้าหมายหลักของกระทรวงสาธารณสุขในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นคือผู้ที่ได้วัคซีน 3 เข็มมาเกิน 4 เดือนแล้ว

ด้านนายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ กล่าวถึงผลการศึกษาวิจัยในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2565 ของประเทศสหรัฐ ว่า เมื่อนำวัคซีน mRNA รุ่นใหม่ (bivalent) มาฉีดเป็นเข็มกระตุ้นในผู้ที่เคยได้รับวัคซีน mRNA รุ่นปัจจุบัน (monovalent) อย่างน้อย 2 เข็ม สามารถลดการติดเชื้อแบบมีอาการได้ประมาณ 28-56% และมีความปลอดภัยไม่ต่างกับวัคซีน mRNA รุ่นปัจจุบัน

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ 2
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์

นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก ฉบับวันที่ 17 ตุลาคม 2565 แนะนำว่า สามารถใช้วัคซีน mRNA ฉีดเป็นเข็มกระตุ้นทั้งรุ่นใหม่และรุ่นปัจจุบัน อยากเชิญชวนให้ทุกคนได้รับวัคซีน 4 เข็ม โดยนับจำนวนเข็มรวมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใด เนื่องจากขณะนี้มีความเสี่ยงสูงจากการระบาดของโรค ประชาชนควรได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เมื่อได้ฉีดมานานแล้วเกิน 4 เดือนขึ้นไป

ส่วนผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น 608 หรือมีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคไต โรคปอด หัวใจ มะเร็ง กินยากดภูมิต้านทาน ฯลฯ จะสร้างภูมิต้านทานได้ไม่ดี จึงยังมีความจำเป็นที่ควรจะได้รับการกระตุ้น เข็ม 4 และผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงดีก็สามารถรับได้ตามความสมัครใจ ถ้าได้รับวัคซีนเข็ม 3 มานานมากแล้ว

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร กล่าวเสริมว่า เมื่อพิจารณาถึงบริบทของประเทศ ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี และคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ที่ให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

คณะอนุกรรมการฯ มีมติเห็นชอบให้ กลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น เข้ารับวัคซีนตามระยะเวลาที่กำหนด โดยสามารถฉีดวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องรอวัคซีนรุ่นใหม่ (mRNA bivalent) เนื่องจากวัคซีนที่มีอยู่แล้วในเวลานี้ มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค และลดความรุนแรงของโรคได้ดี ไม่ต่างจากวัคซีนรุ่นใหม่

กระทรวงสาธารณสุข จะมีการติดตามข้อมูลทางวิชาการ โดยมีคณะกรรมการกลั่นกรอง และมีการออกคำแนะนำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นระยะ ๆ พร้อมทั้งเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อลดการป่วยอาการรุนแรงและเสียชีวิต และเน้นสื่อสารให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ทราบถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละ 4 เข็ม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo