“เอกชนขอนแก่น” ตอบรับนโยบาย “เขตธุรกิจใหม่” เพื่อไทย ตอบโจทย์กระจายอำนาจทางเศรษฐกิจท้องถิ่น
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 พรรคเพื่อไทย พบผู้ประกอบการ จ.ขอนแก่น เพื่อแลกเปลี่ยนในประเด็นเขตธุรกิจใหม่ (New business zone) ซึ่งขอนแก่นเป็น 1 ใน 4 จังหวัดเขตธุรกิจใหม่นำร่อง ซึ่งได้แก่ ขอนแก่น เชียงใหม่ สงขลา และ กทม. นำโดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แนวคิดของเขตธุรกิจใหม่ (New business zone) เป็นอีกนโยบายหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจไปในระดับภูมิภาค โดยเขตธุรกิจใหม่ จะขยายตัวได้ด้วยการนำเอาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงการศึกษา ต้องเชื่อมเข้าด้วยกันกับภาคธุรกิจ และภาคเอกชนที่มีความพร้อม ซึ่งเขตธุรกิจใหม่จะเป็นอีกกลไกหนึ่งในการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นนโยบายหลักสำคัญของพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมองเห็นว่าภาคการบริการ เมื่อรวมเข้ากับมาตรฐานการรักษาพยาบาลของไทยที่เทียบเท่าระดับโลก เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ที่สามารถเพิ่มการท่องเที่ยวในระยะยาว (Long stay) ในไทยมากขึ้น สร้างเม็ดเงินจับจ่ายในท้อวถิ่นมากขึ้น ส่วนประเด็นเรื่องแหล่งน้ำ พรรคเพื่อไทย ได้จัดสรรงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำท่วมน้ำแล้งแล้ว หากได้เป็นรัฐบาลพร้อมทำทันที ขณะที่การส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ พรรคเพื่อไทยมีโครงการโคเงินล้าน ที่มีการจัดหาแหล่งเงินทุน และตลาดส่งออก รวมทั้งเตรียมจัดตั้งหน่วยงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ (THACCA) ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ขอนแก่นมีอยู่แล้วด้วย
พิชัย นริพทะพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจเติบโตเพียงแค่ 1% ส่วนเศรษฐกิจดิจิตัลไทยมีมูลค่าต่อจีดีพีเพียง 10% ในขณะที่ต่างประเทศอยู่ที่ 30-40% ดังนั้นการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลยังมีโอกาสมูลค่าเพิ่มให้ประเทศได้ พร้อมย้ำว่าหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลครั้งแรกจะลดค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สทันทีในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ยืนยันเราพูดภายใต้หลักคิดที่สามารถทำได้จริง
ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เขตธุรกิจใหม่ เราให้ความสำคัญมาก หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเราจะให้ความสำคัญกับภูมิภาค และมีความพร้อมที่จะเจรจาการค้ากับลาว จีน ฯลฯ ซึ่งเรามีความชำนาญและจะเร่งดำเนินการทันทีที่เป็นรัฐบาลแน่นอน เหมือนเช่นที่เคยเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ มาแล้ว รวมทั้งเพิ่มเติมการเตรียมความพร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบครบวงจร ซึ่งพรรคเพื่อไทยพร้อมดำเนินการ
ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีอุปสรรคในการทำธุรกิจ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านกฎหมายที่เป็นข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ , สิทธิประโยชน์กระจุกตัวในเขตที่รัฐใช้ในการสร้างขึ้นมา หรือ อีอีซี และปัญหาด้านแรงงาน ทั้งแรงงานทักษะสูง และแรงงานทักษะต่ำ ทั้งนี้การกิโยตินกฎหมายใช้เวลานาน จึงต้องตีกรอบเชิงพื้นที่ และมีกฎหมายที่ดึงดูดในพื้นที่นั้น โดยเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยไม่เลือกใช้อีอีซี เพราะให้สิทธิประโยชน์เฉพาะกับนักลงทุนต่างชาติ ทำเพียงส่วนเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาทั้ง 3 ด้านข้างต้น ดังนั้นพรรคเพื่อไทยมีทางออก 3 ใหม่ ดังนี้
1. มีกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ เราร่างแล้วมี 67 มาตรา มีความเฉพาะเชิงพื้นที่
2. สิทธิประโยชน์ใหม่ เช่น ภาษีสำหรับแรงงาน ภาษีที่ดิน ภาษีนำเข้าและส่งออก
3. โครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น โครงส้รางพื้นฐานการบิน ที่ จ.เชียงใหม่ สุวรรณภูมิ ขอนแก่น ภูเก็ต
“เรามีกรอบการทำงาน รายละเอียด เรามาคุยกัน เพื่อให้รายละเอียดมีความยืดหยุ่น เพื่อประโยชน์สูงสุดของพวกท่าน”
ธนวรรษ เพ็งดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กฎหมายที่เราร่างขึ้น คัดเลือกเอากฎหมายที่ดีจากบีโอไอ การนิคมอุตสาหกรรม มีหลักนิติธรรมระบุชัดในกฎหมาย มีการใช้ระบบอนุญาโตตุลาการ ในกรณีที่ภาคเอกชนมีข้อขัดแย้งกัน และขจัดอุปสรรคไม่อยากให้ใครเป็นฝ่ายโจทย์ จำเลย ต่างชาติที่มาลงทุนจะได้รับรองและได้รับความยุติธรรม นำมาซึ่งการฟ้องร้องเสียหาย สร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติได้ เพราะไม่ต้องจ่ายใต้โต๊ะ ต่างชาติที่มาลงทุนมีความมั่นใจ
“เขตธุรกิจใหม่ จะมีบอร์ด New business zone และมีคณะกรรมการของท้องถิ่น เมื่อต้องมีการขออนุมัติโครงการใหม่ๆ สามารถทำได้ในท้องถิ่นทันที ไม่ต้องวิ่งไปที่ส่วนกลาง ลดเวลาและป้องกันการจ่ายใต้โต๊ะ”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อ.เจษฎา’ วิเคราะห์สมการ จัดตั้งรัฐบาลผสมหลังเลือกตั้ง หมากเดิน ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’
- ‘เพื่อไทย’ เปิดแคมเปญโค้งสุดท้าย ‘เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที’
- ‘ณัฐวุฒิ’ ประกาศชัด ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ พร้อมผลักดันคดีคนเสื้อแดงที่คั่งค้าง