บันทึกการเดินทางในครั้งนี้ ลุงม่วงจะพาไปเที่ยวที่จังหวัดอยุธยา อีกหนึ่งจังหวัดที่เดินทางง่ายใกล้กรุง กับสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 5 จุดเช็คอิน
เราเริ่มต้นกันที่ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณวัดภูเขาทอง หมู่ 2 ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08:00 น. – 17:00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) โทร 064 932 1838
บ้านของพ่อ คือชื่อเรียกสั้นๆ ที่เข้าใจง่าย ของศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงแห่งนี้ เกิดขึ้นจากนายอัมรินทร์ เซ็นเสถียร ประธานศูนย์ฯ ที่ต้องการเผยแพร่ความรู้เกษตรทฤษฎีใหม่แก่คนทั่วไป ให้ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) แบบฟรีๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
บริเวณโดยรอบจะถูกตกแต่งเอาไว้ด้วยพืชพรรณนานาชนิด ไม้ดอกไม้ประดับ ร่มรื่น สวยงาม และแฝงเอาไว้ด้วยปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวง
บนเนื้อที่กว่า 3.5 ไร่ แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนต่างๆ ตามหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ ได้แก่ แหล่งกักเก็บน้ำ ทุ่งนา พื้นที่เพาะปลูกพืช พื้นที่เลี้ยงสัตว์ และที่พักอาศัย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ทำเป็นฐานๆ อีก 6 ฐาน ได้แก่
- ฐานกิจกรรมปักดำนา
- ฐานกิจกรรมเลี้ยงแพะและแกะ
- ฐานกิจกรรมปลาตะเพียนสาน
- ฐานกิจกรรมไก่ไข่
- ฐานกิจกรรมอาหารบ้านของพ่อ
- ฐานกิจกรรมบ้านของพ่อบ้านของฉัน
ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ เหมาะสำหรับพาเด็กๆ มาเรียนรู้ มาศึกษา และมาทำกิจกรรมในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง ตามจุดต่างๆ จะมีบริการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ มีร้านค้า มุมพักผ่อน สินค้าของฝาก รวมไปถึงให้อาหารน้องแพะอีกด้วย
ลุงม่วงเดินทางต่อมาที่ วิหารพระมงคลบพิตร และ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งอยู่ติดๆ กัน
วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีจุดเด่นที่สำคัญคือ เป็นวิหารเก่าแก่ในเขตกำแพงเมือง ที่ได้รับการบูรณะ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น
ก่อนจะเข้าไปในวิหารพระมงคลบพิตร เราต้องผ่านจุดคัดกรอง สแกน QR-CODE ล้างมือ สวมหน้ากาก และรักษาระยะห่างกันด้วยนะครับ
ภายในวิหารพระมงคลบพิตร จะมีพระพุทธรูปประธานขนาดใหญ่ ที่เสียหายตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด และหุ้มด้วยทองสำริดงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ใกล้ๆ กับ วิหารพระมงคลบพิตร จะเป็นที่ตั้งของ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ด้านหน้าทางเข้าจะมี สัญลักษณ์ SHA ซึ่งผ่านมาตรฐานด้านสุขอนามัยและมีความปลอดภัยโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำขึ้นร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข
SHA หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration มีชื่อเต็มในภาษาไทยว่า โครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เป็นโครงการความร่วมมือของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ
โดยนำมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ผนวกกับมาตรฐานการให้บริการ ที่มีคุณภาพของสถานประกอบการ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวว่าทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่ดี มีความสุข และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากสินค้ าและบริการต่างๆ
วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นอดีตวัดหลวงประจำพระราชวัง ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2035 โดยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แตกต่างจากวัดอื่นๆ จึงกลายเป็นต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ในเวลาต่อมา
บริเวณด้านหน้าวัดพระศรีสรรเพชญ์ ใกล้กับลานจอดรถ จะเป็นมุมจำหน่ายสินค้าของฝากที่จัดเป็นซุ้มๆ เรียงราย มีอยู่ด้วยกันหลายร้านทีเดียว สินค้าจะเป็นจำพวกของฝาก ของขึ้นชื่อประจำจังหวัด เช่น โรตีสายไหม ขนมหวานต่างๆ ผลไม้หมักดอง เครื่องรางของขลังพระบูชา เครื่องจักสาน หัตถกรรมงานฝีมือต่างๆ เป็นต้น
มื้อเที่ยงวันนี้ลุงม่วงฝากท้องเอาไว้กับร้านก๊วยเตี๋ยวเรือหมวดพงษ์ ร้านเล็กๆ ใกล้ๆ กับวัดมหาธาตุ
อิ่มท้องกันแล้วก็ได้เวลาเข้าไปชมความงามของวัดมหาธาตุ ค่าตั๋วเข้าชม คนไทย 10 บาท ต่างชาติ 50 บาท
อิ่มท้องกันแล้ว ก็ได้เวลาเข้าไปชมความงามของวัดมหาธาตุ ค่าตั๋วเข้าชม คนไทย 10 บาท ต่างชาติ 50 บาท
วัดมหาธาตุเป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ใกล้กับวัดราชบูรณะ ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างในสมัย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ขุนหลวงพะงั่ว เมื่อปี พ.ศ. 1917
.
ความสำคัญของวัดมหาธาตุนั้น นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังถือเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางเมืองและเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยา
สิ่งที่น่าสนใจในวัดมหาธาตุ
- มีพระปรางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันพังทลายลงมาหมดแล้ว ที่ฐานของพระปรางค์ มีรูปราชสีห์ หมี หงส์ นกยูง กินนร โค สุนัขป่า กระบือ มังกร เรียงรายอยู่โดยรอบ รูปเหล่านี้อาจหมายถึงสัตว์ในป่าหิมพานต์ที่รายล้อมอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาล
- เจดีย์แปดเหลี่ยม ชั้นบนสุดประดิษฐานปรางค์ขนาดเล็ก ซึ่งเจดีย์องค์นี้ จัดว่าเป็นเจดีย์ที่แปลกตา พบเพียงองค์เดียวในอยุธยา
- วิหารที่ฐานชุกชีของพระประธานในวิหาร กรมศิลปากรพบว่ามีผู้ลักลอบขุดลงไปลึกถึง 2 เมตร จึงดำเนินการขุดต่อไปอีก 2 เมตร พบภาชนะดินเผาขนาดเล็ก 5 ใบ บรรจุแผ่นทองเบาๆ รูปต่างๆ วิหารเล็กที่มีรากไม้แผ่และเกาะเต็มผนัง รากไม้ส่วนหนึ่งได้ล้อมเศียรพระพุทธรูปไว้
- พระปรางค์ขนาดกลาง ภายในพระปรางค์มีภาพจิตรกรรม ซึ่งเป็นตอนหนึ่งในพุทธประวัติ
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของวัดมหาธาตุ คือ เศียรพระพุทธรูปในรากไม้ โดยเป็นเศียรพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา ตั้งวางอยู่ในรากของต้นโพธิ์ คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุม ทำให้มีความงดงามแปลกตากลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ และเป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ช่วงบ่ายๆ ลุงม่วงแวะมาเที่ยวที่ ตลาดน้ำอโยธยา ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก เรียกได้ว่าวันเดียวก็สามารถเที่ยวได้ครบรสชาติ ทั้งวัด และตลาดน้ำ โดยตลาดน้ำอโยธยา มีพื้นที่ประมาณกว่า 80 ไร่
นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใจกลางเมือง สะท้อนถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา
สินค้าที่วางขายก็จะเป็นสินค้าพื้นบ้าน สินค้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัด ขนม อาหาร ข้าวของเครื่องใช้แบบโบราณ มีมุมถ่ายภาพ มุมพักผ่อนมากมาย เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 10.00 – 21.00 น.
ตกเย็น ลุงม่วงมาเที่ยวกันต่อที่ ตลาดโก้งโค้ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านแสงโสม หมู่ 5 ถนนบางปะอิน-วัดพนัญเชิง ตำบลขนอนหลวง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ก่อนจะเข้าไปในตลาด ต้องผ่านจุดคัดกรอง แสกน QR-CODE กันก่อนนะครับ
ตลาดโก้งโค้ง จะเปิดเพียงแค่ 4 วันเท่านั้นในหนึ่งสัปดาห์ คือ วันพฤหัสบดี ถึงวัน อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น. โดยที่มาของชื่อตลาดโก้งโค้ง คือมาจากตลาดในสมัยโบราณที่พ่อค้าแม่ค้าจะนั่งขายสินค้าอยู่บนพื้น คนที่มาซื้อของก็จะต้องโก้งโค้งเพื่อเลือกดูของนั่นเอง
บรรยากาศภายในตลาดที่ยังคงรักษาความดั้งเดิมในสมัยก่อนเอาไว้ได้อย่างงดงาม มีข้าวของมากมายให้เราได้เลือกซื้อ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน ขนมโบราณ ผลไม้ต่างๆ สินค้าทางการเกษตร สินค้าหัตถกรรมจากชุมชน เครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน เป็นต้น
ก่อนกลับ กทมฯ ลุงม่วงแวะมาที่ ตลาดกลางเพื่อเกษตรกร หรือที่รู้จักกันในชื่อ ตลาดกลางอยุธยา ที่ตลาดแห่งนี้จะเปิดทำการทุกวัน ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเซียขาเข้า ถ้ามาจากบางปะอินไปบางปะหันเลยโลตัสอยุธยาไปจะอยู่ขวามือพอมองเห็นตลาดแล้วค่อยยูเทริ์นกลับรถ จะเห็นป้ายเขียนว่าตลาดกลางเพื่อเกษตรกร
ตลาดกลางเพื่อการเกษตร เป็นตลาดที่จำหน่ายกุ้งจากฟาร์มของเกษตรกรโดยตรง ฉะนั้นรับรองเรื่องความสดใหม่เป็นๆ นอกจากนั้นก็ยังมีอาหารทะเลอีกมากมาย เช่น ปูม้า หอยแครง หอยนางรม หอยแมลงภู่ และปลาชนิดต่างๆ เราสามารถซื้อแพ็คใส่น้ำแข็งกลับกรุงเทพฯ หรือจะให้ทางร้านปรุงสุกให้เลยก็ได้เช่นกัน ในราคาไม่แพงมากนัก
จากลากันไปพร้อมกับความสุขที่ได้มาท่องเที่ยวจังหวัดอยุธยา เที่ยวใกล้ๆ สบายๆ ในวันหยุดสั้นๆ อิ่มท้อง แถมยังได้บุญอิ่มใจกันอีกด้วย แล้วพบกันใหม่ในจังหวัดต่อไป สวัสดีครับ
#AMAZINGไทยเท่ #เที่ยวไทยเที่ยวง่ายสนุกทุกทริป
ที่มา : เฟซบุ๊กเพจ ม่วงมหากาฬพาเที่ยว : Life for Travel
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ศุกร์ (สุข) ละวัด ไปกับ ‘วัดวังก์วิเวการาม’
- 2 วัน 1 คืน ขับรถเที่ยว ‘อยุธยา’
- นั่งสามล้อชมเมืองเก่า แวะชิมเมนูถิ่นสุดเด็ด ‘อยุธยา’
