“วัดน้ำฮู” ตั้งอยู่ในตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองปาย โดยชื่อวัดมาจากการที่มีน้ำไหลออกมาจาก “ฮู” หรือ “รู” ในส่วนพระเศียรของ “หลวงพ่ออุ่นเมือง” ที่ชาวเมืองปาย และนักท่องเที่ยว นิยมมากราบไหว้
ประวัติความเป็นมาของวัดน้ำฮู ไม่ปรากฏการสร้างที่แน่นอน แต่ว่ากันว่าน่าจะสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไว้สำหรับบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา ซึ่งได้เสด็จไปเป็นตัวประกันที่พม่าแทนพระองค์ แต่ต่อมาได้ถูกปลงพระชนม์ที่พม่า เลยมีการบรรจุเส้นพระเกศาไว้ในพระเจดีย์สีทอง ที่อยู่หลังวิหารของวัดแห่งนี้
เมื่อปี 2474 ครูบาศรีวิชัย ได้นำคณะศิษยานุศิษย์ธุดงค์มายังอำเภอปาย ได้เห็นสภาพทรุดโทรมของวัด พร้อมสถูปเจดีย์ ซึ่งอยู่หลังวิหาร รกร้าง และได้พบพระพุทธรูปเก่าแก่ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ แบบสิงห์สามเหลี่ยม สมัยเชียงแสน (ศิลปะล้านนา) หน้าตักกว้าง 80 เซนติเมตร สูง 111 เซนติเมตร
พระพุทธรูปองค์นี้ ประดิษฐานอยู่ในศาลาหลังเก่า ซึ่งทรุดโทรมมาก จึงได้ทำการบูรณะ และสร้างวิหารขึ้นมา 1 หลัง ใช้สำหรับเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป พร้อมกับบูรณะเจดีย์ขึ้นอีก 1 องค์ ไว้ด้านหลังวิหาร ภายหลังได้ตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า หลวงพ่ออุ่นเมือง
หลวงพ่ออุ่นเมือง มีส่วนพระเศียรกลวง มีพระเมาฬีครอบ เปิด ปิดได้ และมีน้ำซึมขังอยู่ในพระเศียรอยู่ตลอดเวลา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ รักษาโรคให้คนหายป่วย
เรื่องราวของหลวงพ่ออุ่นเมืองมีเรื่องเล่าว่า เมื่อปี 2515 มีพระธุดงค์จากต่างจังหวัดมาพักที่วัด ได้สังเกตเห็นพระพักตร์ของพระพุทธรูปเป็นโพรง พระโมฬีถอดได้ และในโพรงนั้นมีน้ำขังอยู่เต็ม จึงสอบถามชาวบ้าน และเจ้าอาวาส ก็ไม่มีใครทราบมาก่อน เรื่องนี้เป็นที่เล่าลือกันอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่มีใครกล้าพิสูจน์ความจริง
ต่อมาในปี 2516 นายอำเภอปาย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการอำเภอปาย ได้ร่วมทำการอธิษฐานขอพิสูจน์ข้อเท็จจริง มีการตักน้ำออกจากพระเศียรทั้งหมด และใช้สำลีเช็ดจนแห้งสนิท ทำการปิดพระเศียรผูกเชือกประทับตราครั่ง ปิดหน้าต่าง ประตูทุกบาน ห้ามคนเข้าออกกำหนดเวลา 5 วัน
เมื่อครบกำหนดได้ทำการเปิดต่อหน้าคณะทำการพิสูจน์ชุดเดิม ผลปรากฏว่ามีน้ำขังอยู่ในเศียรของหลวงพ่ออุ่นเมืองจริงตามคำร่ำลือ นับเป็นเรื่องอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ รักษาโรคให้คนหายป่วยได้
ตั้งแต่นั้นมาข่าวความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปองค์นี้ก็ได้แพร่กระจายไปไกล มีผู้คนจากต่างถิ่นเข้่ามานมัสการกราบไหว้มิได้ขาด และน้ำที่มีอยู่ในพระเศียร ก็ยังคงมีอยู่อย่างน่าอัศจรรย์จนถึงปัจจุบัน
ภายในวัด ยังมี “ศาลากลางน้ำ” ภายในประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระเอกาทศรถ รูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และรูปหล่อสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา สำหรับให้ประชาชนได้กราบไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ศุกร์ (สุข) ละวัด ‘ทำบุญใหญ่’ ห่มผ้าหลวง ‘หลวงปู่ทวด’ วัดห้วยมงคล
- ศุกร์ (สุข) ละวัด: ส่อง 2 วัดเก่า ถิ่นพระนารายณ์
- ศุกร์ (สุข) ละวัด กราบไหว้ ‘5 วัดท้าวเวสสุวรรณ’