อาร์ตี้ ธนฉัตร จ่อเซ็นใบหย่า เล่าสาเหตุสักรูปกอริลลา ทับหน้าเมียเก่า

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 12 สิงหาคม 2565

อาร์ตี้ ธนฉัตร จ่อเซ็นใบหย่า เล่าสาเหตุสักรูปกอริลลา ทับหน้าเมียเก่า เจ้าตัวเผยตั้งใจลบลายเดิมออกให้หมด ไม่ได้มีความหมายอะไร แค่มันเป็นสีดำ ช่างก็เลยหาโจทย์มาให้

หากย้อนกลับไปช่วงเมื่อปลายปี 2564 อดีตภรรยาของนักแสดงหนุ่ม อาร์ตี้ ธนฉัตร ตุลยฉัตร ได้ออกมาโพสต์ประกาศจบความสัมพันธ์กับนักแสดงหนุ่มแล้ว รวมถึงมีการประกาศตามหาตัวสามีเพื่อมาเซ็นใบหย่า และส่วนเรื่องของมือที่ 3 ก็อยากให้ฝ่ายชายเป็นคนพูดเอง งานนี้ก็ทำชาวเน็ตสงสัยกันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่

อาร์ตี้ ธนฉัตร จ่อเซ็นใบหย่า เล่าสาเหตุสักรูปกอริลลา ทับหน้าเมียเก่า

ล่าสุด (11 ส.ค.) อาร์ตี้ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวกับอดีตภรรยา ว่าตอนนี้อยู่ในขั้นดำเนินการหลาย ๆ อย่าง และเตรียมจะเซ็นใบหย่าในเร็ว ๆ นี้ ส่วนรอยสักก็กำลังแก้ไข สักทับลายเดิมอยู่

เรื่องราวดราม่าตั้งนานแล้ว?
เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วครับ ทุกอย่างมันก็จะจบแล้ว ไม่อยากเอ่ยถึงบุคคลที่สาม แต่ถ้าถามมุมส่วนตัวผมตอนนี้ก็แฮปปี้ มีความสุขดีครับ

ตอนนี้โสดสนิท?
สถานะตอนนี้ก็อีกนิดนึงครับ เร็ว ๆ นี้จะหย่าครับ บอกได้แค่นี้ครับ ไม่ขอบอกดีกว่า

รอยสักยังไง?
ก็เหลืออีกประมาณ 1-2 รอบครับ จริง ๆ งานแก้มันก็ไม่ได้ 100% ก็เอาที่ตัวเราไหว เอาที่ช่างไหวมากกว่า

ตั้งใจลบหมด?
ใช่ครับ ก็ตั้งใจจะลบหมดเลยครับ เพราะโจทย์ที่ได้รับมาก็คือถ้าเป็นแบบใหม่ได้เลยมันก็จะดี แต่จริง ๆ แล้วสุดท้ายมันก็อยู่ที่ร่างกายของตัวผมเองว่าจะไหวแค่ไหน

ถ้าลบเจ็บกว่า?
คือถ้าลบด้วยเลเซอร์จะเจ็บกว่าครับ ก็เลยเลือกที่จะเปลี่ยนลาย ก็คือทั่วไปที่เขาทำกันก็คือสักทับ แก้ลายครับ

ลายอะไรครับ?
ก็ได้ลายเป็นกอริลลาครับ ด้วยความที่ของเดิมเป็นเนื้อสี ช่างเขาบอกว่ามันต้องย้ำให้สีมันสวย แล้วพอเป็นงานใหม่ทับเข้าไป เหมือนเนื้อมันด้านแล้ว ก็เลยต้องกดทับเข้าไปอีก แล้วยิ่งต้องใช้สีดำย้ำหลาย ๆ รอบ มันก็เลยเจ็บ หายซ่าเลย

มีความหมายไหม?
แต่กอลิล่าไม่ได้มีความหมายอะไรครับ แค่มันเป็นสีดำ ช่างก็เลยหาโจทย์มาให้ครับ

ได้เรียนรู้อะไรบ้างกับการสัก?
จริง ๆ ผมมองว่าการสักทับไม่จำเป็นจะต้องมีอดีตที่ฝังใจหรืออะไร บางคนมันไม่สวยแล้วก็อยากจะเปลี่ยนตามยุคตามสมัย เพราะรอยสักมันก็มีลายใหม่มากขึ้น ผมว่าเป็นธรรมดา

สภาพจิตใจ?
เอาจริง ๆ แล้วตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว สภาพจิตใจผมโอเคมาก เพราะผมได้กลับไปอยู่กับครอบครัว คือครอบครัวเป็นอะไรที่เรามีความสุขที่สุด เราอยู่มาด้วยการที่คนอาจจะคิดเราเศร้าหรือเปล่า ซึ่งพูดไปเขาก็ไม่เชื่อ เราไม่เป็นไร แต่เรามีความสุขที่ได้กลับมาอยู่บ้าน ได้อยู่กับพ่อกับแม่ ได้อยู่กับหมา แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว และอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนค่อย ๆ กลับมาทำงานครับ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ผมก็ใช้ชีวิตปกติ ก็คือต่างคนต่างใช้ชีวิตครับ

มีคนกลางไหม?
มีครับ ๆ จริง ๆ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ มีที่บ้านนี่แหละบอก แต่ผมก็บอกว่าไม่ต้องอ่านให้ผมฟัง ผมไม่อยากรับรู้ เราอยากพักสมอง อยากพักทุกอย่าง ผมก็ตัดสินใจไม่เล่นโซเชียลเป็นเดือนเลย อยู่กับตัวเอง อยากจะลองไม่เล่นโซเชียลดูว่ามันจะเป็นยังไง ซึ่งมันมีความสุขมากครับ

แย่ที่สุดมีไหม?
ผมมองว่าไม่แย่ครับ ไม่ได้นอยด์ หรือเสียใจ

ทำไมไม่ต้องเศร้ากับมัน?
อย่างที่บอกผมมีความสุขมาก เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ผมก็บอกไม่ถูก คือปัญหามันเป็นของคนสองคน ตอนนั้นมันไม่ได้กระทบจิตใจ เพราะว่าเราเลือกที่จะออกมา พอทุกอย่างต่างคนต่างเดินกันแล้ว เราก็เดินต่อไปในอนาคตแค่นั้นเอง”

เรื่องหนี้สิน?
อันนี้ผมไม่ขอตอบดีกว่า ให้เป็นเรื่องภายในแล้วกันครับ แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ

เคลียร์ทีละเรื่อง?
ใช่ครับ บางสิ่งบางอย่างมันก็ต้องใช้เวลาครับ ซึ่งเรื่องมันก็นานมาแล้ว มันก็ค่อย ๆ เป็นไป

ยังเคลียร์ไม่จบ?
อีกนิดเดียวครับ อยู่ในระหว่างดำเนินการครับ

มีเรื่องธุรกิจไหม?
ไม่มีครับ

เรื่องมือที่สาม?
คือด้วยความที่ผมไม่ได้อ่าน ผมก็เลยไม่รู้ว่าเขาเขียนอะไรบ้าง เพราะเราออกมาแล้ว เราไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว ณ ตอนนั้นมันอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งเรากำลังมีความสุข ณ ตรงนั้น อีกอย่างเป็นช่วงคาบเกี่ยวด้วย พอมันข้ามมาปี 65 ปีใหม่แล้วก็เริ่มใหม่ เป็นคนใหม่ที่อยู่ในร่างเดิม

เสียดายเวลาไหม?
บางคนก็มองว่าใหญ่ ส่วนตัวก็แล้วแต่มุมมอง มันก็เป็นประสบการณ์

เข็ดไหม?
เข็ดก่อน ณ ตอนนี้ยังพอก่อนครับ

ต้องมีเกาะป้องกันไหม?
มันพูดไม่ได้ว่าหัวใจเรามันเจ็บหรือไม่เจ็บ แต่สิ่งที่ได้มามันคือประสบการณ์เรื่องความรักในการใช้ชีวิตคู่ จริง ๆ แล้วมันก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่สุดท้ายแล้วถ้ามันไปต่อไม่ได้มันก็คือไปไม่ได้ แค่นี้จริง ๆ

สาเหตุที่ไปต่อไม่ได้?
จำไม่ได้แล้วครับ เราทิ้งมันไปแล้ว เพราะพอวันนี้เราเลือกที่จะเดินไปข้างหน้าแล้ว ก็ทิ้งมันไปตั้งแต่ปี 64 แล้ว เริ่มใหม่ พอเราเดินออกมาก็ไม่ได้หันหลังกลับไปมองอีก เราก็มุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว ตอนนี้มูฟออนแล้วครับ ทั้งหมดทุกอย่างเลยครับ ก็ได้กลับมาทำงานมากขึ้น ได้ทำอะไรแปลกใหม่มากขึ้น ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีครับ

ฝ่ายชายถูกมองว่าผิดเสมอ?
มันเรื่องของมุมมองครับ เราไปห้ามความคิดเขาไม่ได้ ถ้าคนจะมองว่าผิดมันก็ผิดอยู่ดีครับ

ได้เจอไหม?
ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุย และเราจะไม่เอ่ยถึงกันและกันครับ

เจอกันวันหย่า?
สมัยนี้มันมีหลากหลายแบบที่ผมได้ยินมานะครับ ผมว่ามันผ่านมาครึ่งปีแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันใช้ชีวิตของใครของมันดีกว่า เราก็มีความสุขตรงนี้ของเรา

ไม่ถึงขั้นตัดญาติขาดมิตรใช่ไหม?
จะตอบยังไงให้มันดูดี เอาเป็นว่าทุกวันนี้ผมเดินเส้นทางของผมครับ แค่นั้นเอง