เปิดประวัติ “เศรษฐา ศิระฉายา” เส้นทางแห่งดวงดาวสู่ศิลปินแห่งชาติ อีกหนึ่งตำนานของวงการบันเทิงไทย ก่อนสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ สำหรับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
อีกหนึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการบันเทิงไทย สำหรับการจากไปของ “อาต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา” ศิลปินอาวุโส วัย 77 ปี หลังกลับไปทำคีโมอีกรอบ เพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็งปอดระยะที่ 4 ท่ามกลางกำลังใจที่ดีจากแฟน ๆ รวมถึงคนรอบข้าง ซึ่งหลังจากทำคีโม 2 ครั้ง มีผลข้างเคียงทำให้คลื่นไส้ ทานอาหารได้น้อย ส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลงมาก และมีอาการเหนื่อยกับการต่อสู้กับสภาวะของร่างกาย กระทั่งมีข่าวเสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565
เปิดประวัติ “เศรษฐา ศิระฉายา” เส้นทางของตำนานสู่ศิลปินแห่งชาติ
ประวัติส่วนตัวของ “อาต้อย” หรือ “เศรษฐา ศิระฉายา” พิธีกร นักแสดง และอดีตนักร้องนำวงดิอิมพอสซิเบิ้ล เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 จบมัธยมปลายจากโรงเรียนวัดบวรนิเวศ เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุประมาณ 16 ปี ด้วยการขนเครื่องดนตรีในวงดนตรีตามคำชักชวนของน้าชาย “สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์” อดีตพระเอกภาพยนตร์ชื่อดังในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ต่อมา อาต้อย ได้ฝึกหัดทักษะด้านดนตรีแบบครูพักลักจำ จนกระทั่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องตามสถานบันเทิงต่าง ๆ เช่น ตั้งวงหลุยส์กีต้าร์เกิร์ล และได้รวมตัวกับเพื่อน ๆ นักดนตรีตั้งวงดนตรี Holiday J-3 ร่วมกับ วินัย-พันธุรักษ์ พิชัย-ทองเนียม อนุสรณ์-พัฒนกุล และสุเมธ-อินทรสูต ต่อมา เปลี่ยนชื่อเป็น Joint Reaction และเปลี่ยนอีกครั้งในชื่อ ดิอิมพอสซิเบิ้ล (The Impossibles) ซึ่งเป็นชื่อการ์ตูนชื่อดังของอเมริกาในสมัยนั้น
โดย อาต้อย รับบทบาทเป็นนักร้องนำ ปี พ.ศ. 2512 ดิอิมพอสซิเบิ้ลสามารถคว้าถ้วยพระราชทานรางวัลชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งผลให้เริ่มเป็นที่นิยมและเป็นจุดเปลี่ยนให้ได้เข้ามาสัมผัสโลกภาพยนตร์เป็นครั้งแรก กระทั่งเจ้าตัวและเพื่อน ๆ ได้รับการทาบทามจาก เปี๊ยก โปสเตอร์ ให้มาร่วมบรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง โทน (2513)
ดิอิมพอสซิเบิ้ล ยังคงชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบอีก 2 ครั้งติดต่อกัน และได้บรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง อาทิ ดวง (2514) สวนสน (2514) ระเริงชล (2515) ตัดเหลี่ยมเพชร (2518) ฯลฯ กลายเป็นวงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งในปี พ.ศ. 2518 หลังกลับมาจากการไปทัวร์ที่ต่างประเทศ อาต้อย ได้รับการชักชวนจาก จุรี โอศิริ ให้มาแสดงภาพยนตร์อย่างจริงจังครั้งแรกในเรื่อง ฝ้ายแกมแพร (2518) และได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาครองจากผลงานดังกล่าวได้ทันที
กระทั่งในปี พ.ศ. 2519 ดิอิมพอสซิเบิ้ลประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ อาต้อย จึงก้าวเข้าสู่โลกมายาอย่างเต็มตัว มีบทบาทโดดเด่นทั้งการเป็นพิธีกรและนักแสดง นับเป็นดารายอดฝีมือคนหนึ่งซึ่งสามารถรับบทบาทได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นบทดี บทร้าย บทตลก ส่งผลให้มีผลงานออกมามากมายจวบจนปัจจุบัน โดยเรื่องที่โดดเด่นที่สุดเรื่องหนึ่งคือ ชื่นรัก (2522) ที่ได้รับบทพระเอกประกบคู่กับ อรัญญา นามวงศ์ นางเอกชื่อดัง เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่ชีวิตกันในเวลาต่อมา ก่อนที่ อาต้อย จะได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง) ในปี พ.ศ. 2554
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ความจริงเรื่องแม่ ‘น้องกัณฑ์’ ชาวเน็ตตอบแทนแล้ว หลายคนสงสัยหายไปไหน?
- ‘เจค ศตวรรษ’ ยื่นมือช่วยเหลือ ‘หมวย สุภาภรณ์’ บอกมีถึงร้อยล้านเมื่อไหร่ค่อยคืนเงิน
- เปิดยอดเงิน ‘กระแต’ ช่วยเหลือ ‘น้องกัณฑ์’ ชื่นชมลูกยอดกตัญญู เหมือนเห็นตัวเองวัยเด็ก