โอลิเวอร์ ร่ำไห้ เผยคำสั่งเสีย ไมเคิล พูพาร์ต ห่วงแม่-ลูก ไม่ปฏิเสธเรื่องครอบครัว คือหนึ่งในสาเหตุจบชีวิต แต่ขอแค่แฟนพี่ชายมาลาครั้งสุดท้าย ก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว
เป็นข่าวช็อกวงการบันเทิง สำหรับการเสียชีวิตของ ไมเคิล พูพาร์ต อดีตพระเอกลูกครึ่งชื่อดังแห่งยุค 90 ตัดสินใจทำอัตวินิบาตกรรม จบชีวิตตนเองในวัย 50 ปี หลังมีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามานานกว่า 2 ปี และมีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ส่วนในที่เกิดเหตุวันนั้น ใกล้ตัวพบอาวุธปืน 1 กระบอก มีบาดแผลที่ศีรษะ 1 แผล ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือรื้อค้น ทั้งยังมีข้อความสั่งลา ทำให้ครอบครัวไม่ได้ติดใจสาเหตุการตาย
โอลิเวอร์ ร่ำไห้ เผยคำสั่งเสีย ไมเคิล พูพาร์ต ห่วงแม่-ลูก ลั่น ขอแฟนพี่ชายมาลา ก็ไม่ติดใจแล้ว
โดยทางครอบครัว ได้รับร่าง ไมเคิล ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำมาบำเพ็ญกุศลต่อ ณ วัดสาครสุนประชาสรรค์ ศาลา 9 จัดพิธีรดน้ำศพในเวลา 17.00 น. และสวดอภิธรรมเวลา 18.00 น. ตามลำดับ บรรยากาศดำเนินไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งก่อนพิธีรดน้ำศพ ทางด้าน โอลิเวอร์ พูพาร์ต นักแสดงหนุ่มชื่อดังผู้เป็นน้องชาย เปิดใจถึงการสูญเสียครั้งนี้ว่า
“จริง ๆ ก็เตรียมคำพูดมา แต่พอมาถึงนี่ก็นึกไม่ออก มันเป็นช่วงเวลาที่เสียใจของทางครอบครัว ก็เป็นไปตามข่าว ว่าพี่ชายของผม ได้จบชีวิตของตัวเองเมื่อวานนี้ แกเป็นโรคซึมเศร้า เป็นมาได้สักพักแล้ว ตอนช่วงเป็นหนัก ๆ เราก็พยายามให้แกกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ คุณแม่ก็เป็นคนดูแลอยู่ได้ 3-4 เดือน ก่อนที่แกจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง”
“มาอยู่นี่ก็พาไปโรงพยาบาล พาไปหาหมอ ทานยา พูดคุยกันทุกวัน สุดท้ายแล้วก็เป็นอย่างที่เห็น ในส่วนของผมคงไม่มีอะไรแจ้งมากไปกว่านี้ พี่ชายผมก็เป็นคนสงบ เงียบ ๆ เป็นคนรักสันโดษ ตั้งแต่เขาออกจากวงการไป ก็คือไปดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียงอยู่ 8-9 ปี ก่อนที่พ่อจะเสียไป หลังจากนั้นมาเขาก็ไม่อยากกลับเข้าวงการ ก็ไปใช้ชีวิตสบาย ๆ สันโดษที่เชียงใหม่”
“ถึงแม้วันนี้เอง เราก็ได้พูดคุยกันตลอด เขาก็ได้เกริ่นเอาไว้ว่า ถ้าจัดงานศพก็จัดแค่วันเดียวเผาเลยนะ เราคุยกันสนุก ๆ หรือว่าไม่ต้องมีพิธีการอะไรมาก นั่นคือสไตล์ของเขา แต่ก็มาถึงวันนี้ผมก็อยากจะเชิญชวนเพื่อน ๆ พี่น้อง ๆ ทุกคน คนที่ทักผมเข้ามาเยอะ ก็ดีใจที่ยังมีคนรักและคิดถึงพี่ชายผมอยู่ ผมก็ถือโอกาสนี้ฝากพี่ ๆ สื่อมวลชน ประกาศให้ทั่วถึง เพื่อนพี่น้องที่อยากจะมาร่ำลาครั้งสุดท้าย”
“คำพูดที่เขาทิ้งไว้มีเยอะ คำพูดที่คุยกันไว้ก่อนเสีย คือจะต้องบอกว่า อาการซึมเศร้าที่เขาเป็น มันไม่ใช่อาการชั่ววูบ เป็นอาการที่เขาไม่สบายมาสักพักหนึ่งแล้ว ผมพยายามพูดคุยให้กำลังใจกับเขา แน่นอนก่อนที่จะมาถึงวันนี้ ได้มีการพูดคุย ห่วงใย ไม่อยากจะให้แม่ได้เห็นสภาพ อยากให้คนดูแล เพราะคนที่ดูแลอยู่ที่บ้าน ก็คือพี่ชายดูแลแม่ แล้วคือตอนที่เขาป่วย เขาก็กลับมาที่กรุงเทพฯ เพื่อมาดูแล”
“เขาก็สั่งเสียไว้ทุกอย่าง เราก็ได้คุยโดยตลอด ว่าอย่าทำนะ ผมก็ให้กำลังใจ คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ เอ่อ…การสั่งเสียเนี่ย จะบอกว่าสั่งเสียร่ำลา ได้คุยเอาไว้แล้ว เพราะในใจลึก ๆ ก็รู้สึกว่าครั้งนี้เป็นหนักมาก ๆ ในส่วนตัวของผมเอง ผมก็รู้สึกว่าพูดร่ำลากันไว้ก่อนก็ดี ก่อนที่จะมาถึงเหตุการณ์แบบนี้ ก็ร่ำลากันเรียบร้อยแล้ว”
“เขาห่วงแม่ กับห่วงลูกเขาครับ คือเขารู้ว่าแม่เนี่ย ได้รับการดูแลดีอยู่แล้ว มีพี่ชายดูแลอยู่ ผมก็อยู่บ้านข้าง ๆ กัน ก็ไม่ได้มีอะไร ในตอนสุดท้าย (น้ำตาไหล) เขาไม่ได้ห่วงอะไรแล้วครับ ในตอนสุดท้ายเขาสั่งเสียไว้หมดเรียบร้อยแล้ว เขาไปแบบหมดห่วงจริง ๆ ลูกเขาก็เป็นลูกบุญธรรมครับ ลูกเลี้ยง ทางแม่เขาก็ดูแลต่อไป”
“ส่วนเรื่องที่มีปัญหากับแฟน ผมว่าในจุดนี้ มันก็เป็นเรื่องเซนซิทีฟ คนเสียไปแล้วก็เสียไป คนที่ยังอยู่ก็ยังอยู่ คนที่เป็นแม่ของลูกก็ยังอยู่ ผมคงจะพูดแค่ได้ว่า เวลารักกัน สัญญาว่าจะดูแลกัน ตอนสัญญาพูดกันให้ดี พูดกันให้เป็นมั่นเป็นเหมาะ ตอนป่วย ตอนเจ็บ ตอนสบาย รักษาดูแลกัน ดูแลกันจนตาย ถ้าพูดไปแล้ว ก็ขอให้คำไหนก็เป็นคำนั้นนะครับ คนเราก็เป็นแบบนั้น”
“แต่ผมกับทางบ้านก็ไม่ได้ติดใจ ในการเสียชีวิตของพี่ชาย เสียใจแน่นอน แต่ไม่ได้ติดใจใด ๆ ทั้งสิ้น ผมเข้าใจว่าการมีชีวิตคู่มันไม่ง่าย เราไม่ได้โทษใครใด ๆ ทั้งสิ้นเลย ไม่ได้คิดจะเอาผิด ไม่โทษต่อว่าอะไร อาจจะมีน้อยใจบ้าง น่าจะเป็นอารมณ์นั้น เพราะพี่ชายเพิ่งเสียไปเมื่อวาน แต่อย่างที่บอก คือเราไม่ได้ติดใจอะไรทั้งสิ้นครับ”
“มันมาจากหลายสาเหตุครับ แต่ผมจะปฏิเสธแบบนั้นเลย มันก็คงจะไม่ใช่ความจริง มันจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้และเกิดขึ้น การเป็นโรคซึมเศร้าเนี่ย มันมีหลายสาเหตุแหละครับ หนึ่งในนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องของครอบครัว ที่ทำให้ตัดสินใจแบบนั้นไป แต่สุดท้ายแล้ว มันอยู่ที่เขาแหละครับ ไอ้โรคบ้า ๆ แบบนี้”
“ผมไม่ได้ทราบดีเทลตรงนี้นะครับ แต่ถึงเวลานี้มันไม่ใช่สิ่งสำคัญนะครับ เผื่อเขาฟังอยู่ ผมก็ขอเรียนเชิญที่นี่ (น้ำตาไหล) มาลาพี่ผมครั้งสุดท้ายก็โอเคครับ เราไม่ได้ติดใจอะไร”
“พี่ชายผมเป็นคนดีนะครับ เขาเป็นคนที่ให้ เขาทุ่มเท ผมรู้สึกว่าในทางครอบครัวเรา เขาอาจจะให้มากเกินไปซะด้วยซ้ำ ให้เขาไปเกินร้อย แต่นั้นคือนิสัยของเขา เขาชอบช่วยเหลือคนครับ เขาเป็นคนมีเมตตาครับ”
“อย่างที่บอก พี่ชายผมเขาขอไว้ว่าวันเดียว แต่ว่าผมก็แกล้งบอกเขาว่า วันเดียวคนอาจจะมาไม่ทันนะ เป็น 3 วันเผาได้ไหม ตอนคุยกันก็ (น้ำตาไหล) ใจจริงคนเราปลงได้มันก็จบนะ ชีวิตคนเรา แต่ตอนนี้ก็ขอว่างั้น 3 วันเผาแล้วกัน”
“ก็จะเป็นไปตามที่เขาขอและต้องการ ก็คือวันนี้ (17 ม.ค.) เป็นวันรดน้ำกับสวดวันแรก วันพฤหัสบดีก็จะเป็นวันเผา กระดูกก็จะทำพิธีลอยอังคารครับ อาจจะเก็บไว้ก่อน แล้วก็หาฤกษ์ที่ดีไปลอยอังคาร แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะไปลอยที่ไหน ยังไม่ได้ตัดสินใจครับ”
“ผมพูดไปหมดแล้วละครับ (น้ำตาไหล) ผมก็ดีใจที่ได้คุยกันนะครับ ได้พูดได้ร่ำลากัน ได้พูดกันไปหมดแล้ว ผมคงจะไม่ได้มาร่ำลาพี่ชายผมต่อหน้าสื่อมวลชนในตรงนี้ ผมได้พูดไปหมดแล้ว แต่ว่าผมอยากจะฝากถึงคนอื่น ที่มีญาติที่เป็นโรคซึมเศร้า พาไปหาหมอ พูดให้กำลังใจ พูดให้ความจริงในสิ่งที่เป็นไปได้ ไปหาหมอเร็ว ๆ อย่าปล่อยไว้นาน ผมดีใจที่ผมได้มีโอกาสได้คุยแบบเปิดอกกับพี่ชายผมเป็นครั้งสุดท้าย (น้ำตาไหล)”
ที่มา NineEntertain Official
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- แม่ ‘บาส’ อาลัย ‘ไมเคิล’ รัก 19 ปีขอจำแต่สิ่งดี ๆ ครั้งสุดท้ายที่คุย เราขอโทษกันและกัน
- น้องชาย ‘ไมเคิล’ ต่อว่าก่อนตัดสายทิ้ง ‘แฟนพี่ชาย’ เชื่อต้นเหตุจบชีวิต ยันยังไม่มีลูก
- สุดอาลัย ‘แซม ยุรนันท์’ เผยความทรงจำดี ๆ ที่มีกับน้องชายที่น่ารัก ‘ไมเคิล พูพาร์ต’
