เอ๊าะ กีรติ เจอโควิดพ่นพิษ บริษัททัวร์ขาดทุนยับ เป็นหนี้เกือบ 10 ล้าน เคยคิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย
พิธีกรและนักแสดงมากความสามารถ เอ๊าะ กีรติ เปิดตัวภรรยา ก้อย วิภาวี ที่ต้องจับมือฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19 บริษัททัวร์ขาดทุนยับ มีหนี้เกือบ 10 ล้านบาท จนเครียดหนักเคยคิดอยากฆ่าตัวตายมาแล้ว พร้อมเปิดเผยชีวิตคู่ ความรักที่ต้องปกปิดเป็นความลับ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บ SHOW ทางช่องวัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เอ๊าะ กีรติ เจอโควิดพ่นพิษ บริษัททัวร์ขาดทุนยับ เป็นหนี้เกือบ 10 ล้าน เคยคิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย
บริษัททัวร์เปิดมา 10 ปี แต่ 2 ปีที่ผ่านมาถูกสั่งปิดหมด มีรายได้เข้ามาบ้างไหม ?
เอ๊าะ : ตั้งแต่เริ่มโควิดทุกอย่างเป็นศูนย์หมดเลย แต่รายจ่ายเท่าเดิม ประคองอยู่อย่างนี้มา 2 ปีแล้ว
รายจ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ ?
เอ๊าะ : เฉลี่ยนะอยู่ที่ 3 แสนกว่าบาท มันมีเรื่องของค่าออฟฟิศ มีค่าพนักงาน ทุกอย่างมันเหมือนเดิม ผมไม่ให้พนักงานออก ก่อนโควิดเป็นยังไงทุกวันนี้เป็นอย่างนั้น
ทำไมถึงไม่ยอมปลดพนักงาน ?
เอ๊าะ : คือ ณ วันนั้นเราไม่รู้ว่าอันนี้มันคืออะไร โควิดเป็นยังไงเราไม่รู้จัก เราก็เริ่มค่อย ๆ แก้ สิ่งแรกที่ต้องทำคืออยากจะรักษาพนักงานไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าโควิดมันจะยาวขนาดนี้ ก็รักษาพนักงานไว้ก่อน เพราะวันนึงที่มันพร้อมลูกค้าก็พร้อมจะบิน ต้องเล่าก่อนว่าก่อนโควิดงานเรามันแน่นจัด แล้ววันที่เกิดโควิดลูกค้าก็ยังอยู่เหมือนเดิม แต่เราบอกว่าพี่อย่าบินเลย มันไม่ปลอดภัย ทีนี้เราก็รู้แล้วเรามีลูกค้า ถ้าบินได้เราจะบินทันที
จริงไหมถ้าโควิดมันไปถึงธันวาคม เราจะปิดบริษัท ?
เอ๊าะ : คิดไว้อย่างนั้น ตอนแรกคำพูดนี้คิดมาตั้งแต่ปีที่หนึ่ง ที่เริ่มโควิดมันยาวกว่าที่เราคิดมากเลย เดี๋ยวปิด เดี๋ยวเปิด เราเองก็ไม่กล้าไป เพราะไปเสร็จมันกักตัว 14 วัน
จากคนไม่มีหนี้ กลายเป็นหนี้ ?
เอ๊าะ : ประมาณ 8 ล้านกว่า เกือบ 10 ล้าน คือหนี้เรามีอยู่แล้วจากที่เราสร้างซื้อตึก ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ซื้ออะไรไว้ แต่นี่มันคือหนี้ของการทำธุรกิจ
ถึงจุดนี้ทำไมพี่ถึงไม่ลดเงินเดือนพนักงาน ?
เอ๊าะ : เงินเดือนพนักงานลดลง แต่ไม่ได้ให้เขาตกงาน
8 ล้านที่เป็นหนี้มันมาจากไหนบ้าง ?
เอ๊าะ : มาจากการเช่าตึก เรื่องของตึกที่เราจะต้องผ่อนแบงก์อยู่ตลอดเวลา ห้าวไง อยากมีออฟฟิศ ซื้อตึกเลยผ่อนมา 10 ปี ส่วนค่าใช้จ่ายพวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่านู่นนี่นั่น เงินเดือนพนักงานทั้งหมดก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่มันน้อยลง รายรับมันไม่เข้า ทีนี้เราทำยังไง เงินส่วนตัวเราก็ออกไปประมาณนึงแล้ว แล้วก็มีกู้ธนาคารมาอีกนิดนึง มันทำให้โควิด 2 ปีล่อไปเกือบ 10 ล้าน
ภรรยาว่ายังไงบ้าง ?
ก้อย : ตอนแรกมีปรึกษากันว่าจะปิดหรือไปต่อ พอรอบ 3 เริ่มไม่ค่อยเห็นอนาคตแล้ว ก็เลยถามว่าปิดไหม ก็จบไป พี่เอ๊าะเขาบอกว่ามันยังมีโอกาส เพราะว่าลูกค้าเราก็รออยู่ ก็อดทนอีกนิด ถ้าปิดตอนนี้เราเป็นหนี้ 8 ล้าน 100% แล้ว แต่ถ้าเราไปต่อก็ลุ้นกันว่าเราอาจจะมีรายได้แล้วกลับมาใช้หนี้ตรงนี้ได้
เขาบอกว่าพี่เอ๊าะเคยคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะเรื่องเป็นหนี้ ?
เอ๊าะ : จริง คือมันคิด ทำไงดี แต่ละวันมันมีปัญหาตลอด เหมือนคนเอามีดมาแทง นั่งอยู่เฉย ๆ โอเคเรื่องนี้แก้เสร็จ แก้เรื่องนี้อีก ต้องหาเงินอีก เงินหาไม่ได้เลย ทำยังไงดี คือคิดตลอดเลย แต่ไม่มีเวลาฆ่าตัวตาย จนเราลืมไปแล้วว่าเราเคยคิดฆ่าตัวตาย เพราะมันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ
พี่ก้อยรู้ไหม ?
ก้อย : รู้ค่ะ เหมือนเขาเครียด เขาก็เลยบอกว่าอยากตายเว้ย เราก็เข้าใจว่ามันเป็นอารมณ์ที่เครียดอยู่ แล้วก็เผลอพูดออกมา เราก็พยายามแซวเล่น ไม่ได้ทำให้มันเป็นเรื่องซีเรียสมากขึ้น ลูกยังไม่โตเลย
เอ๊าะ : ท้ายสุดมนุษย์พอมันอยู่กับปัญหานาน ๆ แก้ปัญหาทุกวัน แก้ไปเรื่อย ๆ เราเหมือนได้รับวัคซีน ตัวเราก็เหมือนเก่งขึ้นเรื่อย ๆ สมมติถ้าเราเจอแบบนี้อีกทีเราก็รู้แล้วว่าจะทำยังไง
คุณรักรถมาก แต่เพราะโควิดคุณต้องขายรถ ?
เอ๊าะ : ขายหมดเลย คืออะไรที่เราไม่ได้ใช้เราขาย บัตรเครดิตเอ๊าะก็ไม่ใช้ ถ้าไม่มีเงินสดเท่ากับไม่ใช้ เราใช้ในสิ่งที่เรามี กลับมาดูว่าเรามีอะไร ก็ใช้เท่าที่มี
เสียใจไหม ?
เอ๊าะ : ไม่เสียใจ เพราะมันไม่ต้องปิดบังเมียแล้ว
คุณก้อยรู้ไหมว่าเขาซื้ออะไรแล้วหมกเม็ดไว้ตามบ้านคน ?
ก้อย : รู้ ๆ
เอ๊าะ : ไม่ได้หมกตามบ้านครับผม ผมเอาไปจอดที่โฮเตลคาร์
โกรธไหมก้อย ?
ก้อย : ไม่โกรธ แต่เป็นคนรู้อะไร แต่ไม่พูดมากกว่า
คู่นี้เขาอยู่คนละสาย แล้วมาเจอกันได้ยังไง ?
เอ๊าะ : มันมีงานนึงก้อยต้องมารับผิดชอบแทนเพื่อน แล้วตอนนั้นเรากำลังท๊อปมาก แล้วเราก็เอาแต่ใจมาก เพราะเราเหนื่อยมาก
ก้อย : พอดีโทรไปแล้วพี่เอ๊าะเขารับสายพอดี ซึ่งปกติโทรไปเจอผู้จัดการตลอด แล้วพอเขารับเราก็บรีฟไปว่าอีเว้นท์พี่ต้องร้องเพลงนะ มีแบบนี้ ใส่เสื้อสีแดง กางเกงสีขาว เขาก็มาเลย ทำไมต้องทำอย่างนี้ ทำไมพี่ต้องร้องเพลง พี่ไม่ใส่กางเกงสีขาว ใครเขาใส่กางเกงสีขาวกัน
เอ๊าะ : คือผมใส่สีขาวไม่ได้ ตูดผมใหญ่มาก
ก้อย : เขาก็เหวี่ยง ๆ
ไปอีเว้นท์ชอบเขาไหม ?
เอ๊าะ : ยัง ๆ มันมาเริ่มชอบตอนที่เราทำอีเว้นท์แล้ว เขาก็เจ๋ง งานมี 1 ทุ่ม ให้ผมไปบ่าย 2 แล้วเขาขังผมไว้ในห้องเล็ก ๆ อยู่กับพริตตี้
แล้วไปเห็นเสน่ห์อะไรเขา ?
เอ๊าะ : เขาเป็นผู้หญิงไม่เคยสอบสัมภาษณ์ผมเลยแม้แต่คำเดียวว่าพี่อยู่ไหน พี่ทำอะไร คือเขาไม่เคยถามอะไรผมเลย แต่เราโดนถามหมดเลยนะ คือ เขาไม่เคยตามมาดูหรือมาอะไรเราเลย เราก็เลยมีความรู้สึกว่าคืออะไรวะ จนวันนึงเราทำงานใกล้กันมาก ๆ จนมีความรู้สึกว่าผมแก้ปัญหาเรื่องทัวร์มันหนักมาก เพราะมันใหญ่เกินไป เขาก็ยังอยู่ข้าง ๆ เพราะฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะไม่รักเขาเลย แล้ววันที่ทำงานเจอกันครั้งแรก วันนั้นฝนตกแต่เขายืนอยู่ข้างเวทีตลอด ไม่ไปไหนเลย ผมถามว่าผมจะไม่รักเขาเหรอ เขาถอยไม่ได้เพราะเขามีหน้าที่เป็นสเตท
ก้อย : อันนี้คิดไปแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ต้องรักเราแน่ ๆ
แล้วคุณเริ่มจีบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
เอ๊าะ : วันนั้นเลย ก็ขอเบอร์เลย
เขาทำยังไงถึงชนะใจเราได้ ?
ก้อย : มันเป็นการคุยกันแบบปรึกษา เขาไม่ได้เชิงจีบ เหมือนคุยปรึกษาเรื่องงาน เขาก็จะให้คำแนะนำที่ดี
เราก็รู้อดีตเขาว่าเจ้าชู้ขนาดไหน ถึงขนาดผู้หญิงมาแสดงตัวเลยเหรอ ?
ก้อย : มีบ้าง ๆ บางคนก็มาแบบแนวดี ๆ บ้างก็โทรมาแบบพี่เอ๊าะเขารักพี่มากนะ คือ หนูเลิกยุ่งกับเขาไปแล้ว เขารักพี่มาก หนูเคยบอกให้เขาเลิกคุยกับทุกคน เขาบอกว่าเลิกได้ยกเว้นก้อยนะ ก็ไม่รู้จุดประสงค์เหมือนกันว่าบอกเพื่ออะไร
แล้วคนที่จับได้ที่โรงแรม ?
เอ๊าะ : อันนี้มันก่อนแต่งงาน แล้วเราก็แบบมีงานพรุ่งนี้ เราไปล่วงหน้า 1 วันก็ไปเที่ยวสบาย ไปกับอีกคนนึง พอตกเย็นอารมณ์เหมือนเสี่ยใส่ผ้าลื่น ๆ หนีบกระเป๋าเงิน เข้าห้อง ปิดประตู กำลังจะลั้นลา ได้ยินเสียงเคาะประตู พอเปิดปุ๊บเจอก้อยอยู่หน้าประตู เราก็ปิด
ผู้หญิงถามไหมว่าใคร ?
เอ๊าะ : เราตอบอะไรไม่ได้แล้ว ติดอ่างไปหมด
รอดมาได้ยังไง ?
เอ๊าะ : ทีนี้เสียงเคาะดังปัง ๆ เปิดใหม่ ก็ยืนอยู่เหมือนเดิม ก็ตั้งสติ เปิดไปก็ไปนั่งคุยกันข้างหน้า
ทำไมก้อยบินตามไป ?
ก้อย : มันมีเหตุ ผู้หญิงเขาแสดงให้เราเห็นว่าเขาอยู่ตรงนั้น ผู้หญิงคนนี้เขาก็ดีกับเรานะ อันนี้พูดตรง ๆ ถ้าเป็นคนอื่นเราก็คงไม่ตามไป เราก็ไปดูให้มั่นใจ จริง ๆ เราเห็นก่อนหน้านั้น คือเราเห็นรถกอล์ฟวิ่งมา เราก็หลบอยู่ในพุ่มไม้ เขาก็เดินอยู่หน้าเรา แล้วเข้าห้องไป
โกรธไหม ?
ก้อย : ก็โกรธ ใช่คนที่เราคิดจริง ๆ
ยื่นคำขาดให้เลิกไหม หรือถามไหมว่าจะเอายังไง ?
ก้อย : ถาม ๆ ว่าเอายังไง
เอ๊าะ : ก็ตามนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ขนาดนั้น
ก้อย : ไม่ได้สั่งให้เลิก แต่ให้ตัดสินใจมาเลยว่าจะเอายังไง
เอ๊าะ : วันนั้นก็เดินกลับไปเอาของ แล้วไปนอนห้องก้อย ถึงห้องแล้วนอนเลย เราไม่ได้แก้ตัวอะไรมาก มันก็ขำ มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ
จริงไหมที่เอ๊าะมีกินเล็ก กินน้อย เพราะก้อยไม่ยอมให้มีอะไรด้วย ?
ก้อย : จริงค่ะ
ทำไมหวงตัวเองกับผู้ชายคนนี้ ?
ก้อย : ทุกคน ไม่ได้ว่าคนนี้ คือเป็นคนหัวโบราณ
คุ้มค่ากับการรอไหม ?
เอ๊าะ : ที่สุด ตาเหลือกเลย
พอแต่งงานแล้ว พี่หยุดไหม ?
เอ๊าะ : หยุดตั้งแต่วันนั้นเลย พอแต่งงานแล้วทุกอย่างมันยุ่ง มันไม่มีเวลา ผมรักเขา
แล้วทำไมคุณถึงปิดบังเรื่องแต่งงาน ?
เอ๊าะ : คืออย่างนี้ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเขาควรจะมีพื้นที่ของเขา เพราะเขาคือคนธรรมดา อยากให้เขาใช้ชีวิตกับเพื่อนของเขา เราก็พยายามเซฟเขาไว้ที่สุด
งานแต่งจัดเล็ก ๆ ซึ่งญาติพี่ก้อยไม่โอเค ?
เอ๊าะ : วันนั้นญาติโอเค แต่ว่ามีบางท่านที่ไม่โอเค เราก็เลยเรียกคุยสบาย ๆ คือผมแค่อยากประหยัดเงิน ที่ต้องเอาไปจ่ายค่าต่าง ๆ เอาให้เขาไปเลย แต่ก็สัญญากับเขานะว่าวันนึงพ่อจะจัดงานฉลองสมรสให้ พ่อ แม่ ลูก
เขาไม่พาเราออกสื่อ อึดอัดไหม หรือเราชอบ ?
ก้อย : เฉย ๆ เพราะว่าคบกันมาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ได้ออกสื่อตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
อยากบอกอะไรกับก้อย ?
เอ๊าะ : ขอบคุณก้อยมาก ขอบคุณญาติ ๆ ของก้อยด้วยที่กรุณาครอบครัวเล็ก ๆ ของผม แล้วก็ขอบคุณที่กรุณาผู้ชายคนนี้ให้เขาคิด เขาทำ แล้วก็ขอบคุณก้อยจริง ๆ ที่เปิดพื้นที่ให้เอ๊าะได้คิดและทำ และอยู่เคียงข้างไม่มีวันไหนที่ไม่เห็นเขาเลย ท้ายสุดความรักมันคือความเข้าใจจริง ๆ นะ และนี่มันมากกว่ารัก มันคือความเข้าใจ
ก้อย : ก็ขอบคุณเขาเหมือนกัน เขาเป็นผู้ชายที่เกินความคาดหวัง ตั้งแต่คุยกันมา แต่งงาน มีลูก เขาก็ดูแลลูก เราไม่คิดว่าเขาจะเป็นได้ขนาดนั้น หลังจากแต่งงานก็เปลี่ยนไปเลย ทุกอย่างเขาโอเคหมดเลย
ติดตามรับชมรายการ คุยแซ่บShow ย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วันเกิด 41 ปี ‘แอฟ ทักษอร’ ฉลองเรียบง่าย ลูกสาวทำการ์ดให้แม่ นักร้องหนุ่มร่วมอวยพร
- เมาท์แแซ่บ เมียดารา แอบกินผัวชาวบ้าน หลุดอักษรท้ายชื่อ ทำต่อมเผือกไฟลุกหนัก!
- เปิดโพสต์ ‘หมอโอ๋’ ดราม่า #หนึ่งจักรวาล ผลกระทบที่ตามมาน่าเป็นห่วง