Entertainment

ได๋ น้ำตาคลอ เล่าเหตุการณ์คุยกับผู้ป่วยโควิด จนนาทีสุดท้ายของชีวิต

ช่วงนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงหนักหน่วง และน่าเป็นห่วงมาก ๆ มีจำนวนผู้ติดเชื้อยอดพุ่งสูงหลักพันขึ้นทุกวัน และมีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งภาครัฐ และเอกชน ก็ได้ร่วมมือกัน เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้เร็วที่สุด แม้กระทั่งคนบันเทิง ก็ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วย

ได๋ ไดอาน่า – นิหน่า สุฐิตา – จ๊ะ นงผณี ก็ได้ร่วมกันเปิดเพจ เราต้องรอด เพื่อเป็นอีกหนึ่งเสียงเข้าช่วยเหลือ จัดหาเตียง ประสานงานกับทางโรงพยาบาล และศูนย์ต่าง ๆ ให้เข้าช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด โดยล่าสุด (7 ก.ค.) ได๋-นิหน่า ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ แฉ ถึงการช่วยเหลือในครั้งนี้

ปกได๋2

เพจเราต้องรอด ?
จริง ๆ ตอนแรกที่ทำคือ ได๋กับจ๊ะ ตอนแรกเราทำแบบไม่รู้ระบบอะไร มีอยู่วันนึง ของวันที่ 3 ในการเปิดเพจ แล้วได๋ต้องถ่ายรายการ จ๊ะต้องถ่ายรายการ ณ ตอนนั้น เราไม่สามารถปล่อยอินบล็อคโล่ง ๆ โดยไม่มีคนดู นิหน่า เขาก็น่ารักมาก ทักมาในอินบล็อคว่ามีอะไรให้ช่วยไหม นิหน่าเป็นคนน่ารักมาก เรารู้จักกันแบบผ่าน ๆ ไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อน ไม่สนิทเลย เขาส่งข้อความมา เขาน่ารัก มีใจจะช่วย เลยบอกว่านิหน่า เอาอินบล็อคไปเลยนะ อยากทำไรทำ กลับมาตอนเย็น เขาเซ็ทระบบให้หมดเลย หาอาสาสมัครมา มานั่งคัดมา ประชุม แล้วก็ฟอร์มทีมขึ้นมา น่าจะวันนั้นวันที่ 4 ทำเพจ เราก็เริ่มมีทีม 10 กว่าคน จนตอนนี้ถ้ารวมทุกคน ทุกแผนก ทุกส่วน ร้อยขึ้น

ปัญหาอะไรอีก ?
นิหน่า : นอกจากไม่มีเตียง เรื่องของความรู้ความเข้าใจของโรค การเป็นคนโควิดทุกคนติดภาพ ทุกคนต้องได้เตียง ได้เร็ว หมายความว่าผลออกสิบโมง ทำไมยังไม่มีใครมารับ ซึ่งจริง ๆ ผู้ติดเชื้อสูง เยอะ กว่าจะเข้าระบบเตียง บางทีเราต้องลงระบบเอง ที่ทางฝ่ายเขาทำอยู่แล้ว ถ้าคุณลงระบบ ชื่อคุณก็จะไปอยู่ในระบบกลาง มันจะสะดวกกับเขาด้วย บางทีประชาชนไม่เข้าใจ

ได๋ เสริมต่อว่า คืออาจจะคิดว่าเป็นโควิดเหมือนเป็นไข้หวัด ที่เราจะไปรักษาที่ไหนก็ได้ ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ คนที่เป็นคนโควิดต้องเข้าระบบกลาง เพื่อที่จะได้รับการรักษา ไม่ว่าจะส่งไปกี่เพจ โทรหาที่ไหน ท้ายที่สุดคุณก็ต้องเข้ามาระบบกลางเท่านั้น คราวนี้ก็เป็นปัญหา หลายคนเริ่มแพนิค พอรู้ว่าว่าติดเชื้อ แล้วไม่รู้ตัวเองจะไปต่อยังไง ข้อต่อไป เรื่องของการหาเตียง เราเข้าใจว่าพอผู้ติดเชื้อเยอะ ไม่ว่าจะทุกเพจโหลดหมด ส่วนกลางไม่ต้องพูดถึงโหลดหมด บางทีผู้ติดเชื้อสีแดง เขาปะปนในผู้ติดเชื้อทั่วไป เขาไม่มีโอกาสในการรักษา เหมือนหลุดไปกับปัญหานึงที่เจอ

ได๋1

เสียน้ำตากันทั้งวัน ?
เคสเมื่อกี้เห็นไหมว่ามันมีเครื่องผลิตอ๊อกซิเจน อันนั้นเราเป็นคนส่งไปให้เขาเอง ก็เป็นครอบครัวที่แฟลตดินแดง คุณแม่อาการหนักที่สุดในนั้น ของเราก็จะมีการประเมินมาก่อน ซึ่งทางทีมอาสาเขาก็จะมอบเครื่องผลิตออกซิเจนให้เอาไว้ แต่ว่าด้วยปัจจัยเสี่ยง โควิดอายุมาก น้ำหนักเกิน โรคประจำตัวต่าง ๆ ซึ่งเรารู้สึกเสียใจเหมือนกัน ที่เราช่วยเขาไม่ได้

ทำไมถึงเซนซิทีฟกับเคสนี้มาก ?
ทำเพจมาตั้งแต่ 25 เมษายน เราอยู่กับความตาย เราโทรศัพท์ปลายสาย น้ำเสียงคือช่วยหนูด้วยนะ พี่อย่าทิ้งหนูนะ เราเจอคนอ๊อกซิเจนดรอปจนไม่รู้สึกตัวแล้ว เราได้แค่บอกว่า คุยกับยายนะ ให้เขารู้สึกตัว เปิดลำโพงเลย ยายหายใจเข้าลึก ๆ ยาย ทำตามหนูนะคะ เราช่วยที่สุดแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็ยังเสียชีวิต แล้วมันเป็นแบบนี้ทุกวัน

พูดกับ ป้า เคสอายุ 60 จนนาทีที่เขาเสียชีวิต ?
อือ ก็มีแบบหลายเคสมาก ไม่ได้มีเคสเดียว สี่พันกว่าเคสแล้ว เราจะแบ่งกะกัน นิหน่าจะกะเช้า นิหน่าเข้า 6 โมงเช้า อยู่ถึงประมาณ 2-3 ทุ่ม ได๋เข้าต่อถึง 7 โมงเช้า แล้วคอยดูอินบล็อค ผู้ติดเชื้อที่อยู่ในไลน์ OA ของเรา ไม่ไหวแล้วบ้าง เราต้องประสานงานต่อส่งอ๊อกซิเจนไปให้เขา เหมือนเรารับอยู่ในสงคราม ช่วงแรก ๆ นอนไม่หลับ ได้ยินเสียง เห็นภาพ

ได้ยินเสียงโทรศัพท์ผวาไหม ?
ไม่ถึงกับผวา แต่ฝัน

ได๋ : พอเขาบอกโลเคชั่นมา เราก็รู้ว่าเดี๋ยวรถพยาบาลจะไปรับ เราก็จะแอบขับรถไปเฝ้าว่ามาหรือยัง ไปนั่งอยู่ตรงนั้นกว่ารถจะมา พอรถมาถึงจะกลับบ้านไปตอบอินบล็อค ช่วงนั้นทำอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แล้วมันถึงจุดที่นอนแล้วมันฝัน แล้วก็หยุด มานั่งตอบอินบล็อคอย่างเดียว

ได๋

ลงทุนซื้อรถฉุกเฉิน ?
5 แสนบาท คันแรกสมทบทุนกัน แล้วเงินขาด ได๋ก็จ่ายเองมาตลอด จนคันที่สองไปแอบออกเงินเอง ออกไปเกินครึ่งล้าน

ได๋ ทำไมเปลี่ยนไป ?
ถ้าสำหรับตัวเองมันไม่จำเป็น แต่นี่มันชีวิตคน ยังไงเราก็ต้องช่วย คือของเรามี คนมี แต่รถไม่มี มันเป็นอุปสรรคเดียวที่มี ถ้าปัญหามันคือตรงนี้ แล้วเงินมันแก้ปัญหาได้ ก็จัดการไปซะ เดี๋ยวค่อยไปหาเอาข้างหน้า

เคสของ คุณตา อายุ 72 ปี ?
เคสนั้น นิหน่ารับเอง เพราะชื่อเขาเหมือนคุณพ่อเรา เป็นคุณตากับคุณยายอยู่ด้วยกัน มีลูกสาว ในกทม ตอนแรกที่ไป เป็นผู้ป่วยติดเตียง อาการยังโอเค แต่พอผ่านไปแค่วันเดียว อาการทรุดลง แล้วก็เร็วมาก สุดท้ายส่งอาสาไป แต่ก็ไม่ไหว เพราะมันมีปัญหาเสมหะอุดตัน โรคประจำตัว อาสาก็ได้แต่ไป แล้วก็รอส่งค่ะ เพราะว่าเหมือนแบบไม่ทันแล้ว เสียชีวิต ตอนที่ไปเผาศพ ก็ไม่มีใครไป เพราะลูกเสี่ยงสูง ภรรยาติดเชื้อ แล้วลูกก็บอกทีมอาสาว่า ฝากส่งคุณพ่อด้วยนะพี่ เราได้ยินแบบนี้เลยคุยกับทีมอาสาว่า ลูกเนี้ย ยังไงก็ต้องได้ไปส่งพ่อ เลยไปรับ ส่งในรถก็ยังดี เขาก็เลยส่งบนรถ ดอกไม้จันทร์อยู่ในมือ ส่งพ่อได้แค่ไกล ๆ เท่านั้น ก็อย่างที่บอกทุกเคสมันหนักมาก

ทำไมต้องใช้เครื่องอ๊อกซิเจน ? 
เพราะทุกเคสที่เข้ามาจะบอกว่าไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ออก แต่เราไม่รู้ว่าไม่ไหวแล้วของเขาคือระดับไหน แล้วบางทีไม่ไหวแล้วของเขามันไม่ได้หนักขนาดนั้น มันคือเสียโอกาสในการไปช่วยอีกคนนึงที่หนักกว่า เพราะฉะนั้นถ้าเรามีเครื่องวัดอ๊อกซิเจน สำหรับคนที่มีฐานะแค่ 1-2 พัน แต่สำหรับคนที่หาเช้ากินค่ำ เครื่องวัดอ๊อกซิเจนอะไรที่มันไม่รู้จะซื้อที่ไหน ไม่มีเงินมากพอที่จะไปซื้อ แล้วเขาจะได้รู้ว่าตอนนี้เขามีอ๊อกซิเจนในปอดอยู่เท่าไหร่ แล้วเขายังไหวไหม

ขอบคุณ รายการแฉ 

ได๋2

ได๋3

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo