อ้วน รังสิต พระเอกดัง พร้อมปรับตัว สัมพันธ์กับภรรยาเข้าใจกันมากขึ้น ได้ลูกเป็นกาวใจช่วยง้อ หลังจากที่เกิดเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัว จนฝ่ายหญิงพาลูกกลับประเทศเกาหลีใต้
กลับมาคืนดีกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับครอบครัวพระเอกดัง อ้วน รังสิต ศิรนานนท์ กับภรรยาสาว มะม่วง หรือ ปาร์คฮยอนซอน โดยมีลูกชายสุดหล่อ น้องโรฮา มีความรักของทั้งคู่ เป็นกาวใจช่วยง้อ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้สัญญาว่าจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้นอีก
- ฮัลโหลหม่ามี้! ‘นิว นภัสสร’ ขึ้นแท่นคุณแม่ป้ายแดง คลอดลูกชายคนแรกแล้ว
- ต้อม รชนีกร สูญเงินก้อนใหญ่ ถูกยกเลิกพรีเซ็นเตอร์กลางอากาศ เพราะหน้าใหม่
- เซอร์ไพรส์! พระเอก ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล คนล่าสุด ที่แท้คือ ซุป’ตาร์ช่อง 3
อ้วน รังสิต พร้อมปรับตัว สัมพันธ์กับภรรยาเข้าใจกันมากขึ้น ได้ลูกเป็นกาวใจช่วยง้อ
ล่าสุด (18 ม.ค.) อ้วน รังสิต ได้ออกมาอัปเดตความสัมพันธ์กับภรรยาว่าดีขึ้นแล้ว ลูกชายคือกาวใจชั้นดี จะไม่โกรธกันต่อหน้าลูก ลูกก็มีส่วนที่ทำให้ดีกัน เพราะว่าลูกเป็นคนที่โรแมนติกมาก เวลาเขาเห็นเราทะเลาะกันที เขาจะพูดว่าอย่าโกรธกันเลยนะ แม่อย่าโกรธ
รอบนี้ไปแค่ไม่กี่วันครับ ตอนนี้ลูกเข้าโรงเรียนแล้วก็เลยไปแค่ช่วงปิดเทอมของลูก ให้ลูกไปเยี่ยมคุณตาคุณยายของเขาครับ แล้วช่วงนี้เป็นหน้าหนาวเลยอยากให้ลูกได้สัมผัสหน้าหนาวเป็นครั้งเเรกของเกาหลี
ก่อนหน้านี้เขามีโรคประจำตัวเป็นโรคหอบหืด พอเวลาเจออากาศหนาวเขาก็จะไอ ก็เลยอยากลองดูว่าเขาหายดีหรือยัง ครั้งนี้ไปหาหมอเเล้ว หมอบอกว่าให้ลองหยุดยาพ่นได้เลย แล้วลองดูว่าเขาจะมีอาการไหม แต่ว่าครั้งนี้ก็ดีใจกันมากเลยว่าเขาไม่มีอาการไอเเล้ว คือโรคหอบหืดของโรฮา จะไอบ่อยๆ ไอไม่หยุด ไม่ได้เป็นแบบหายใจไม่ออก ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งเเรกเลยหลังจากที่พ่นยามาตลอด 1 ปีเต็ม ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าน่าจะหายเเล้ว แต่ก็ต้องรอดูอาการต่อไปครับ
ช่วงแรกแม่เขาคือเหนื่อยมาก ทุกเช้าต้องเตรียมอุปกรณ์พ่นยา จะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงทุกๆ เช้า เวลาไปไหนมาไหนก็ต้องพกตัวนี้ตลอด ไม่รู้ว่าอาการจะมาตอนไหน ต้องคอยพ่นยาตลอด แม่เขาก็จะต้องมาเหนื่อยเป็นเวลา 1 ปีเต็มกับโรคนี้
จริง ๆ แล้วอาการมันจะมาตอนที่น้องเขากินไอติม อากาศเย็น ต้องระวังเรื่องพวกนี้ แต่เราก็สงสารลูกนะ เขาเป็นเด็กเขาก็จะชอบ ก็จะให้กินได้นิดเดียว พยายามเลี่ยง ๆ ไม่ให้เขากินครับ แต่เรื่องของการหายใจไม่ได้มีปัญหา ปัญหามีแค่ไอบ่อยๆ เเละก็ทางแม่เขาก็จะเครียดเยอะ เพราะบางทีเขาเป็นคนที่รักเเละเป็นห่วงลูกมาก ถ้าลูกไอนิดเดียว เขาก็เครียดเเล้ว กลัวว่าอาการจะเยอะ
ไม่ใช่โรคประจำตัว?
คือโรคนี้เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ครับ แต่ถ้าเราปล่อยไปโรคนี้มันอาจจะไม่หาย เเต่ถ้าจะรักษาต้องรักษาช่วงนี้ให้หายขาด เป็นสิ่งที่หมอบอกทางมะม่วงไว้ ช่วงนี้เลยต้องเข้มงวดมาก ๆ กับการรักษาโรฮา ซึ่งเท่าที่ผมดูแม่เขาก็น่าจะไม่เหนื่อยฟรีครับ ตอนนี้ก็น่าจะหายถาวรเเล้ว แต่ไม่ใช่ว่าพาไปเจอหิมะแล้วหายเลยนะครับ คือเขาอาจจะหายนานเเล้ว แต่ด้วยความกังวลของแม่ก็ยังพ่นยาทุกเช้า บางทีผมก็มองว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะในยามันก็มีสารสเตียรอยด์อ่อนๆ ด้วย หรือเราจะกังวลมากเกินไป มันอาจจะไม่หายใจแรงขนาดนั้นก็ได้ แต่ด้วยความที่เขาเชื่อใจคุณหมอจากทางเกาหลีมากกว่า ครั้งนี้ก็เหมือนพากันกลับไปหาหมอด้วยว่าอาการเป็นยังไง 1 เดือนที่ผ่านมาไม่ต้องพ่นเเล้วครับ เเล้วก็คิดว่าน่าจะหายแล้วครับ
ความสัมพันธ์กับสามีภรรยาเป็นยังไง?
ภาวะของสามีภรรยาก็เข้าใจกันมากขึ้นครับ เรียกว่าคุมความประพฤติให้อยู่กับร่องกับรอยมากขึ้น หมายถึงตัวเราเองและเขาด้วย มันคือความเครียดอะไรหลาย ๆ อย่าง เรื่องการงาน การเงิน การเลี้ยงลูก อะไรหลาย ๆ อย่างมันรวมกัน มันก็อาจจะมีภาวะความเครียด แล้วก็อาจจะทำให้เราขาดสติ และลืมสิ่งที่ควรทำไป ก็อย่างที่ผมถ่ายคลิปไปครับ มันเป็นการสัญญากับตัวเอง เพราะผมเป็นคนรักษาสัญญา จะไม่ทำผิดสัญญา ทุกครั้งที่เหมือนจะทำอะไรไม่ดีขึ้นมาผมก็จะรู้สึกว่าเราสัญญาเอาไว้แล้วนะเราก็จะไม่ทำ ช่วยได้เยอะ ทำให้เราคุมสติได้มากขึ้น
เรื่องมือที่สามไม่มี?
ไม่มีเรื่องมือที่ 3 ครับ เป็นเรื่องของทั้งคู่ครับ เราก็เตือนเขาว่าเวลาเรามีปัญหากันเราก็ควรคุยกันดี ๆ ไม่ใช่โกรธเเล้วใช้อารมณ์โกรธในการคุยกัน เพราะว่าถ้าเราใช้อารมณ์โกรธคุยกันมันอาจจะมีคำพูดที่ไม่ดี ความประพฤติที่ไม่ดีออกไป ก็พยายามยิ้ม ๆ ไว้ เวลาโกรธมาก็ยิ้ม เดินหนี ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย เพราะว่าเวลาโกรธกันมันคุยรู้เรื่องยาก รอให้อารมณ์เย็น ๆ เเล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่
เชื้อชาติ วัฒนธรรมก็มีส่วนไหม?
คราวก่อนที่เขาอุ้มลูกกลับไป อันนั้นจริง ๆ เเล้วไม่เชิงหนีครับ เรียกว่าแยกย้ายกันก่อน แต่ผมเองที่อาจจะใช้คำพูดที่ผิดไป ก็เหมือนฟีลง่ายๆ ประมาณว่าหนีไปแล้ว เเต่ที่จริงคือแยกย้ายกันไปก่อนครับ เพราะว่าช่วงนี้ทุกวันเหมือนมันไม่เข้าใจกัน ก็ห่าง ๆ กันก่อน เพื่อที่จะได้ทบทวนตัวเอง หลังจากที่เราทบทวนกันเเล้ว เราก็มองหาต้นเหตุว่ามันเกิดจากอะไร เราควรจะเเก้กับมันยังไง หลังจากนั้นเเล้วเราก็ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเเล้วแหละที่เราจะมามีปัญหาอะไรกันแบบนี้ เพราะมันไร้สาระ เเละมันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิตครับ
จริง ๆ แล้วเชื้อชาติกับวัฒนธรรมก็มีส่วนครับ เพราะว่าทุกวันนี้เราอยู่กันสามคนพ่อ แม่ ลูก มันไม่ได้มีคนกลาง ไม่มีคนคอยเบรก คอยเตือนสติ หรือคนที่คอยปรึกษาทั้งคู่ครับ ก็เลยไม่รู้ตัวว่าใครถูกหรือผิด หรือควรจะทำอะไรยังไง การเลี้ยงลูกเขาจะมีทางของเขา ผมก็จะมีทางของผม แล้วตัวผมก็เลี้ยงลูกอยู่กับเขาตลอด มันก็เลยเหมือนมีการปะทะเรื่องการเลี้ยงลูก เพราะเราก็มีทางของเราเหมือนกัน ด้วยความเป็นไทยของเรา กับวิถีชีวิตของเราตอนเด็ก ๆ เราก็อยู่เเบบนี้ แต่ของเขาอยู่ในเมือง แต่ผมอยู่เเบบบ้านนอก ก็เลยจะทะเลาะกันบ่อย
ถึงตอนนี้ก็ยังหาจุดกึ่งกลางยังไม่ได้ครับ แต่เราก็ค่อย ๆ ปรับตัวกันไป แต่ก็บอกเขาว่าเราเลือกที่จะอยู่เมืองไทย เพราะฉะนั้นเราต้องปรับตัวเพื่อที่จะเข้าหาเมืองไทย เพราะว่าบ้านที่อยู่ อาหารการกิน โรงเรียน เพื่อน ๆ ทุกคนเป็นคนไทย เราก็อยากให้เขาปรับมาทางนี้มากกว่า ก็เจอกันคนละครึ่งทางครับ บางทีเรื่องอาหารการกินผมก็ซื้อของเกาหลีได้ มันอาจจะแพงหน่อย แต่เพื่อความสบายใจของเขา แต่ก็อยากให้เอียง ๆ มาไทยเยอะ ๆ หน่อย
อยากให้ลูกไปเรียนเกาหลีไหม?
เขาไม่ได้อยากเอาลูกไปเรียนที่เกาหลี เขาอยากให้ลูกเรียนอยู่ที่ไทยครับ แต่ตัวผมเองอยากไปมากกว่า ผมคิดว่าที่โน่นมาตรฐานการศึกษาเเละก็เรียนฟรีด้วย เราก็ไม่ต้องมากังวลเรื่องเงินเยอะ อย่างที่นี่เเม่เขาก็อยากให้เรียนอินเตอร์ ค่าใช้จ่ายมันก็สูง อย่างตอนนี้ก็ต้องคอยเเอ็กทีฟตัวเอง เราก็ต้องหาว่าหลังจากนี้เราต้องทำอะไรที่เราต้องส่งเสริมกับชีวิตครอบครัวของเราด้วย
ตอนนี้ก็เหมือนว่าถึงแม้เวลาเราโกรธเราก็ยิ้ม ๆ ไว้ครับ เพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามอารมณ์เบาลง เวลาเรายิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาก็จะเหมือนไม่ขึ้นไปมากกว่านั้นเเล้วครับ ก็ยิ้ม ๆ ไว้ครับ สมมติผมโกรธ พอเขายิ้มให้ผมสักทีผมก็หายโกรธไม่ลงแล้วครับ
เราก็เหมือนกันพยายามยิ้ม ๆ ไว้ มันจะทำให้ความโกรธเบาลงเเน่นอนครับ แต่ปกติจะไม่โกรธกันต่อหน้าลูกนะครับ ลูกก็มีส่วนที่ทำให้ดีกันนะครับ เพราะว่าลูกเป็นคนที่โรแมนติกมาก เวลาเขาเห็นเราทะเลาะกันที เขาจะพูดว่าอย่าโกรธกันเลยนะ แม่อย่าโกรธ
บางทีผมฟ้องเขาว่าโรฮาช่วยด้วย แม่โกรธอยู่ เขาก็จะวิ่ง ๆ ไปหาแม่เเล้วบอกว่าแม่อย่าโกรธอะไรประมาณนี้ครับ อย่างบางทีถ้าเขาอยู่ใกล้ ๆ กัน เขาก็จะดึงเรามากอดกันครับ มันก็จะทำให้บรรยากาศดีขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญเลย ถ้าฝ่ายใดฝ่ายนึงโกรธ เรายิ้มใส่ เเล้วมันจะดีขึ้นครับ
ขอบคุณ : วันบันเทิง oneบันเทิง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ลุ้นแล้ว! เปิดโฉมหน้า ผู้คว้าช่อดอกไม้งานแต่ง นัตตี้-แมน ที่แท้คือ แฟนพระเอกช่อง 3
- ‘ไบรท์ พิชญทัฬห์’ เปิดภาพสมัยเรียน ม.4 ที่หลายคนไม่เคยเห็น รอยยิ้มเหมือนเดิมเป๊ะ
- ดูชัด ๆ เปิดตัวหุ่นขี้ผึ้ง ‘เบลล่า ราณี’ ดีเทลเหมือนมาก แม่นายงดงามที่สุด!
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg